นนทบุรี 1 ส.ค. – พาณิชย์เผยเงินเฟ้อ ก.ค.62 อยู่ที่ 103 เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.98 สาเหตุหลักมาจากสินค้ากลุ่มอาหารสดสูงขึ้น ขณะที่เงินบาทแข็งค่าทำให้ราคาน้ำมันลดลง
นางสาวพิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการ สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคหรือเงินเฟ้อทั่วไปเดือนกรกฎาคม 2562 อยู่ที่ 103 สูงขึ้นร้อยละ 0.98 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีที่ผ่านมา สูงขึ้นกว่าเดือนมิถุนายน 2562 ที่อยู่ระดับ 102.94 สูงขึ้นร้อยละ 0.87
นางสาวพิมพ์ชนก กล่าวว่า ปัจจัยหลักทำให้เงินเฟ้อทั่วไปสูงขึ้น คือ ราคาสินค้ากลุ่มอาหารสดสูงขึ้นร้อยละ 7.12 สูงขึ้นต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี โดยเฉพาะผักและผลไม้ เนื้อสุกร ข้าวสารเหนียวและข้าวสารเจ้า การแปรปรวนสภาพอากาศผลผลิตไม่ออกอย่างควรจะเป็นและฐานราคาต่ำ ขณะที่สินค้ากลุ่มพลังงานยังคงหดตัว โดยลดลงร้อยละ 3.31 ซึ่งลดลงน้อยกว่าเดือนที่ผ่านมา สำหรับปัจจัยเงินบาทที่แข็งค่าได้ส่งผ่านผลต่อเนื่องมาในรูปราคาน้ำมันในประเทศที่ลดลง ส่วนเงินเฟ้อพื้นฐานไม่นับรวมสินค้ากลุ่มอาหารสดและพลังงานอยู่ที่ 102.52 ขยายตัวร้อยละ 0.41 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีที่ผ่านมา
ด้านการลงทุนโครงการโครงสร้างพื้นฐานเดือนกรกฎาคม 2562 ยังไม่มีเม็ดเงินออกไป เนื่องจากเป็นช่วงเปลี่ยนผ่านรัฐ หากรัฐบาลใหม่เดินหน้าขับเคลื่อนโครงการต่อจะมีเม็ดเงินลงทุนเข้าไป ทำให้อุปสงค์ในประเทศฟื้นตัวขึ้นมาได้ ส่วนเมื่อวานนี้ (31 ก.ค.) ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สรุปภาพรวมเศรษฐกิจ ภาวะไม่ค่อยดี ชะลอตัวลง ทางกระทรวงพาณิชย์เห็นว่าราคาสินค้าในประเทศจากการคำนวณดัชนีราคาผู้บริโภคไม่ดีมาก แต่ไม่ได้แย่ รวมทั้งผู้ผลิต วัสดุก่อสร้าง สถานการณ์ทรง ๆ ไม่ได้แย่มาก แต่ไม่มีสัญญาณขยายตัวเร็วและแรง
นางสาวพิมพ์ชนก ได้ฝากให้รัฐบาลเร่งออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยเร็ว เพราะหากทิ้งไว้จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ โดยกลุ่มที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดขณะนี้ คือ กลุ่มสินค้าอุตสาหกรรมและสินค้าอุตสาหกรรมเกี่ยวกับส่งออก เพราะเมื่อการส่งออกชะลอตัวลงตามเศรษฐกิจโลก และประเทศคู่ค้าต่าง ๆ ที่เศรษฐกิจชะลอตัวลง ทำให้สินค้าอุตสาหกรรมไทยยอดขายชะลอตัวลงด้วย ล่าสุดสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) ระบุว่าดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม หรือ MPI ปรับตัวลดลงต่ำสุดในรอบ 29 เดือน ดังนั้นต้องดึงเศรษฐกิจในประเทศ โดยเร่งส่งออกสินค้าอุตสาหกรรม สินค้าเกษตรเพิ่ม ด้านกระทรวงคมนาคมมีนโยบายทบทวนค่าขนส่งและการจะขึ้นค่าแรง อยากให้เป็นไปอย่างเหมาะสมกับสภาพเศรษฐกิจ.-สำนักข่าวไทย
