ทำเนียบฯ 7 ม.ค. – รัฐบาลเคาะกรอบงบฯ ปี 69 วงเงิน 3.78 ล้านล้านบาท ขาดดุล 8.6 แสนล้านบาท “จุลพันธ์” ชี้ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ หวังเห็น ธปท. ทำเงินเฟ้อเข้ากรอบและใกล้เคียงระดับ 2% และดูอัตราแลกเปลี่ยนอยู่ในระดับเหมาะสม
นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคลัง กล่าวว่า กรอบงบประมาณปี 2569 ที่ ครม. เห็นชอบเป็นไปตามที่ประชุม 4 หน่วยงานเศรษฐกิจ ได้แก่ กระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) สำนักงบประมาณ และสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เห็นชอบ
ทั้งนี้ ในกรอบวงเงินงบประมาณรายจ่ายปี 2569 วงเงินรวม 3.78 ล้านล้านบาท มีการการขาดดุลงบประมาณลดลง 5,000 ล้านบาท กรอบงบประมาณรวมเพิ่มขึ้น 2.7 หมื่นล้านบาท และจัดเก็บรายได้เพิ่มขึ้นประมาณ 3 หมื่นล้านบาท โดยการขาดดุลงบประมาณที่อยู่ในระดับสูง เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจเป็นสิ่งจำเป็นที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจไปข้างหน้า
ทั้งนี้ ขั้นตอนกระบวนการที่จะตั้งงบประมาณต้องดูวินัยการคลัง ต้องดูสัดส่วนตามที่กฎหมาย พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง กำหนด กรอบการขาดดุลต่างๆ นั้นเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด โดยขั้นตอนต่อไปต้องมีการดูในเรื่องของงบประมาณที่เสนอเข้ามา และจัดสรรงบประมาณตามความเหมาะสมต่อไป
หน่วยงานเศรษฐกิจต่างมองว่าระดับของงบประมาณนี้เหมาะสมกับการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะต่อไป ซึ่งหลังจากนี้จะเข้าสู่ขั้นตอนและกระบวนการตามกฎหมายต่อไป ทางกระทรวงการคลังจะต้องดูการจัดเก็บรายได้ให้เป็นไปตามเป้าหมาย สำนักงบประมาณต้องดูในเรื่องของการใช้จ่าย และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ต้องมีหน้าที่ไปดูเงินเฟ้อให้ได้ตามกรอบเป้าหมาย 1-3% และให้เป็นไปตามข้อตกลงระหว่าง รมว.คลัง กับผู้ว่าการ ธปท. ที่จะทำให้เงินเฟ้อเข้าใกล้ 2% ตามที่ตกลงไว้ โดยเรื่องนี้ต้องให้เวลาที่ ธปท. จะทำให้เงินเฟ้อเข้ากรอบและค่ากลางที่ 2%
นอกจากนั้นในข้อตกลงระหว่างกระทรวงการคลังและ ธปท. ยังมีการกำหนดด้วยว่า ธปท. จะต้องดูแลให้อัตราแลกเปลี่ยนอยู่ในระดับเหมาะสมที่จะทำให้ประเทศไทยสามารถแข่งขันระหว่างคู่ค้าและคู่แข่ง.-314-สำนักข่าวไทย