กระทรวงพาณิชย์ 6 ม.ค. – สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เผย ราคาอาหาร-เครื่องดื่มที่ปรับตัวขึ้นดันเงินเฟ้อทั้งปี 2567 สูงขึ้น 0.4% คาดปี 2568 เงินเฟ้อเคลื่อนไหวในกรอบ 0.3-1.3%
นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปเดือนธันวาคม 2567 อยู่ที่ 108.28 เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว สูงขึ้น 1.23% ปัจจัยหลักมาจากการสูงขึ้นของราคาน้ำมันเชื้อเพลิง รวมถึงสินค้าในกลุ่มอาหารและเครื่องดื่มปรับตัวสูงขึ้น จากราคาผลไม้เครื่องประกอบอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์สำหรับราคาสินค้าและบริการอื่นๆส่งผลกระทบต่อภาวะเงินเฟ้อไม่มาก
ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปเฉลี่ยทั้งปี 2567 สูงขึ้น 0.40% โดยมีสาเหตุหลักจากการสูงขึ้นของราคาสินค้าในกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม โดยเฉพาะอาหารสำเร็จรูป ผลไม้สด และเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ อย่างไรก็ตาม มีสินค้าสำคัญที่ราคาลดลงจากมาตรการช่วยเหลือค่าครองชีพภาครัฐ ได้แก่ ค่าไฟฟ้า และน้ำมันดีเซล
สำหรับแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อทั่วไปปี 2568 คาดว่าจะอยู่ระหว่างร้อยละ 0.3-1.3% (ค่ากลางร้อยละ 0.8) ซึ่งเป็นอัตราที่สอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบัน โดยมีปัจจัยหนุนให้อัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นมาจาก 1.เศรษฐกิจไทยปี 2568 มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นจากปี 2567 ทั้งการขยายตัวด้านการลงทุนและการบริโภคภาคเอกชน รวมถึงแนวโน้มจำนวนนักท่องเที่ยวที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง 2.ราคาดีเซลในประเทศกำหนดเพดานไม่เกิน 33บาท/ลิตร สูงกว่าค่าเฉลี่ยครึ่งปีแรก2567
ขณะที่ปัจจัยที่กดดันให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปลดลง ประกอบด้วย 1. ภาครัฐมีแนวโน้มดำเนินมาตรการช่วยเหลือลดภาระค่าครองชีพอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการปรับลดค่าไฟฟ้าและการตรึงราคาก๊าซ LPG 2. ฐานราคาผักและผลไม้สด ปี 2567 อยู่ในระดับสูง ซึ่งเป็นผลจากสถานการณ์เอลนีโญและลานีญา ขระที่ในปี 2568 คาดว่าสถานการณ์ดังกล่าวจะไม่รุนแรงและส่งผลกระทบไม่มาก และ 3.การชะลอตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์ และการจำหน่ายรถยนต์ภายในประเทศ จะส่งผลให้ค่าเช่าบ้านและราคารถยนต์เพิ่มขึ้นอย่างจำกัด
“ส่วนการปรับค่าแรงขั้นต่ำในปี 2568 เชื่อว่าจะไม่ส่งผลต่อเงินเฟ้ออย่างมีนัยยะสำคัญ อย่างไรก็ตามแนวโน้มเงินเฟ้อเดือนไตรมาส1/68 จะสูงกว่า 1% พอถึงช่วงไตรมาสที่2-3 เงินเฟ้อมีแนวโน้มลดลงเหลือ หรือโตไม่ถึง 1% และคาดว่าอัตราเงินเฟ้อจะกลับมาสูงอีกครั้งในไตรมาสที่ 4/68” นายพูนพงษ์ กล่าว. -517-สำนักข่าวไทย