พาณิชย์เผยปรับค่าจ้างขั้นต่ำส่งผลต่อเงินเฟ้อน้อย

ก.พาณิชย์ 8 ม.ค. – สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เผยการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำส่งผลต่อเงินเฟ้อไม่มาก


นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยผลการวิเคราะห์ “ผลกระทบของการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำต่ออัตราเงินเฟ้อทั่วไป” หลังจากราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ประกาศคณะกรรมการค่าจ้าง ปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำ มีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 1 มกราคม 2568 ที่แบ่งเป็น 17 อัตรา เพิ่มในอัตราวันละ 7 – 55 บาท (เฉลี่ยร้อยละ 2.9) โดยมีอัตราสูงสุด คือ วันละ 400 บาท และอัตราต่ำสุด คือ วันละ 337 บาท พบว่า จะส่งผลกระทบต่ออัตราเงินเฟ้อประมาณร้อยละ 0.15 – 0.30 และทำให้อัตราเงินเฟ้อในปี 2568 จะยังอยู่ในช่วงร้อยละ 0.3 – 1.3 (ค่ากลางร้อยละ 0.8) ตามที่ สนค.ได้คาดการณ์เมื่อเดือนธันวาคม 2567

สนค.ได้ดำเนินการวิเคราะห์ผลกระทบโดยใช้ตารางปัจจัยการผลิตและผลผลิตของสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) และข้อมูลจำนวนผู้ใช้แรงงานที่ได้รับค่าจ้างขั้นต่ำ ซึ่งประมวลข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติ และกระทรวงแรงงาน รวมทั้งความสอดคล้องกับโครงสร้างของหมวดสินค้าและบริการของดัชนีราคาผู้บริโภค ซึ่งสามารถแบ่งกลุ่มสินค้าและบริการที่ได้รับผลกระทบจากการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำได้ 6 กลุ่ม ดังนี้


กลุ่มที่ 1 สินค้าและบริการที่มีการกำกับดูแลโดยภาครัฐ คิดเป็นประมาณร้อยละ 22.0 ของน้ำหนักสินค้าและบริการในตะกร้าเงินเฟ้อ ได้แก่ ค่าน้ำประปา ค่ากระแสไฟฟ้า น้ำมันดีเซล แก๊สโซฮอล์ ค่าการศึกษา ค่าทางด่วน ค่าเดินทางสาธารณะ และค่ารักษาพยาบาล เป็นต้น โดยการปรับราคาสินค้าและบริการเหล่านี้จะขึ้นอยู่กับมาตรการภาครัฐ ดังนั้น การปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำครั้งนี้จะไม่ส่งผลให้สินค้าและบริการในหมวดนี้ปรับตัวสูงขึ้น

กลุ่มที่ 2 สินค้าและบริการที่มีการผลิตในระบบอุตสาหกรรม และเป็นสินค้าที่มีการใช้ในชีวิตประจำวันอย่างสม่ำเสมอ คิดเป็นร้อยละ 25.0 ของน้ำหนักสินค้าและบริการในตะกร้าเงินเฟ้อ ได้แก่ สินค้าในหมวดเครื่องประกอบอาหาร (น้ำตาล เกลือ น้ำมันพืช) เครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ (น้ำดื่ม กาแฟ น้ำหวาน) ของใช้ส่วนบุคคล (ผงซักฟอก น้ำยาปรับผ้านุ่ม แปรงสีฟัน กระดาษชำระ) และสินค้าคงทนต่าง ๆ (เครื่องใช้ไฟฟ้า รถยนต์ รถจักรยานยนต์) เนื่องจากกระบวนการผลิตของสินค้าส่วนใหญ่เป็นโรงงานอุตสาหกรรมมีการใช้เทคโนโลยีและเครื่องจักรในการผลิตเป็นส่วนใหญ่ มีการใช้แรงงานขั้นต่ำน้อย ทำให้อาจจะไม่มีการปรับเพิ่มราคาสินค้าและบริการในกลุ่มนี้ตามการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ

กลุ่มที่ 3 สินค้าที่มีการใช้แรงงานสูงแต่การส่งผ่านราคาสู่ผู้บริโภคไม่มากนัก คิดเป็นประมาณ ร้อยละ 22.0 ของน้ำหนักสินค้าและบริการในตะกร้าเงินเฟ้อ ได้แก่ สินค้าในภาคการเกษตร ทั้งผักสด ผลไม้สด พืชไร่ และปศุสัตว์ เนื่องจากภาคการผลิตเหล่านี้มีการใช้แรงงานในสัดส่วนที่สูง แต่ไม่สามารถส่งผ่านต้นทุนที่เพิ่มขึ้นไปยังราคาสินค้าได้ เนื่องจากราคาสินค้าถูกกำหนดโดยอุปสงค์และอุปทาน ดังนั้น การปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำในครั้งนี้จะไม่ส่งผลให้สินค้าในหมวดนี้เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ภาครัฐควรมีนโยบายดูแลภาคการผลิตเหล่านี้ เนื่องจากมีความเสี่ยงที่จะได้รับผลกระทบให้รายได้สุทธิลดลง


กลุ่มที่ 4 สินค้าและบริการที่มีความเสี่ยงสูงที่จะได้รับผลกระทบจากการขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ คิดเป็นประมาณร้อยละ 16.0 ของน้ำหนักสินค้าและบริการในตะกร้าเงินเฟ้อ ได้แก่ อาหารสำเร็จรูป (บริโภคในบ้านและบริโภคนอกบ้าน) โดยเฉพาะอาหารจานด่วน อาหารตามสั่ง ข้าวราดแกง และกับข้าวเป็นถุง เนื่องจากมีต้นทุนการใช้แรงงานสูง ส่วนใหญ่เป็นผู้ประกอบการขนาดเล็กที่มีความสามารถรองรับการเพิ่มขึ้นของต้นทุนได้ต่ำ อย่างไรก็ตาม ต้นทุนอื่น ๆ ของอาหารสำเร็จรูปในปี 2568 มีแนวโน้มลดลง ทั้งราคาผักสดที่ลดลงจากสภาพอากาศที่เอื้ออำนวยในการเพาะปลูกมากขึ้น ไข่ไก่ที่ราคายังมีแนวโน้มลดลง เนื้อสุกรที่มีการปรับราคาสูงขึ้นไม่มาก รวมทั้งเครื่องประกอบอาหารมีแนวโน้มทรงตัว ดังนั้น การปรับเพิ่มขึ้นของค่าจ้างขั้นต่ำจะส่งผลกระทบต่ออาหารสำเร็จรูป ในปี 2568 ไม่สูงมากนัก

กลุ่มที่ 5 ค่าเช่าบ้านและที่พักอาศัย คิดเป็นประมาณร้อยละ 14.0 ของสินค้าและบริการในตะกร้าเงินเฟ้อ โดยการปรับขึ้นค่าเช่าบ้านและที่พักอาศัยขึ้นอยู่กับปัจจัยด้านอุปสงค์และอุปทานมากกว่าการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ ประกอบกับในปี 2568 ภาคอสังหาริมทรัพย์มีแนวโน้มฟื้นตัวต่ำจะเป็นปัจจัยกดดันให้ค่าเช่าบ้านและที่พักอาศัยยังอยู่ในระดับต่ำ หรืออาจไม่ได้รับผลกระทบจากการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ

กลุ่มที่ 6 ค่าบริการที่มีการใช้แรงงานมีฝีมือหรือทักษะสูง คิดเป็นประมาณร้อยละ 1.0 ของน้ำหนักสินค้าและบริการในตะกร้าเงินเฟ้อ ได้แก่ ค่าตัดผม ค่าแรงช่างไฟฟ้า ค่าแรงช่างประปา ค่าแรงช่างก่อสร้าง ค่าบริการล้างแอร์ ค่าดูแลผู้สูงอายุ ค่าคนรับใช้/ คนทำงานบ้าน และค่าจ้างเฝ้าไข้ผู้ป่วย เป็นต้น ในภาพรวมค่าแรงหรือค่าจ้างในภาคบริการเหล่านี้สูงกว่าค่าจ้างขั้นต่ำอยู่แล้ว ดังนั้น การปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำจะส่งผลให้ค่าบริการเหล่านี้ปรับเพิ่มไม่มาก หรืออาจจะไม่มีการปรับขึ้นค่าบริการ

ผอ.สนค. กล่าวเพิ่มเติมว่า การจัดกลุ่มสินค้าและบริการออกเป็น 6 กลุ่มตามผลกระทบของการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ จะทำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถติดตามสถานการณ์ของแต่ละกลุ่มได้อย่างใกล้ชิด และมีการดำเนินนโยบายในการดูแลการเปลี่ยนแปลงราคาได้อย่างมีประสิทธิภาพ บนพื้นฐานที่ให้ความเป็นธรรมทั้งผู้ผลิตและผู้บริโภค นอกจากนี้ คาดว่าการปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำในครั้งนี้ จะมีผลต่ออัตราเงินเฟ้อค่อนข้างน้อย เนื่องจากปัจจัยด้านมาตรการช่วยเหลือลดค่าครองชีพของภาครัฐ รวมทั้งอุปสงค์ในประเทศมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งการปรับโครงสร้างทางเศรษฐกิจ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐ และลดภาระหนี้สินครัวเรือน ทำให้การจับจ่ายของประชาชนเพิ่มขึ้น ส่งผลให้รายได้และกำไรสุทธิของผู้ประกอบการมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยไม่จำเป็นต้องปรับขึ้นราคาสินค้าและบริการ.-517-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ทั่วไทยฝนตกหนัก เตือน 5 จังหวัดเสี่ยงรับมือ

กทม. 23 ส.ค.- กรมอุตุฯ เผยทั่วไทยฝนตกหนัก เตือน 5 จังหวัดเสี่ยงรับมือ เฝ้าระวัง “พายุดีเปรสชัน” มีแนวโน้มทวีกำลังแรงเป็นพายุโซนร้อน กระทบไทย 24-27 ส.ค.นี้ กรมอุตุนิยมวิทยาเผยประเทศไทยมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่บริเวณภาคตะวันออก ขอให้ประชาชนโดยเฉพาะบริเวณจังหวัดตาก จันทบุรี ตราด ระนอง และพังงา ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมาก และฝนตกสะสมที่อาจเกิดขึ้นในระยะนี้ไว้ด้วย เนื่องจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศลาวตอนบน และเวียดนามตอนบน สำหรับบริเวณทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง อนึ่ง พายุดีเปรสชันบริเวณทะเลจีนใต้ตอนบนมีแนวโน้มจะทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุโซนร้อน และจะขึ้นฝั่งบริเวณประเทศเวียดนามและประเทศลาวตอนบน ในช่วงวันที่ 25–26 ส.ค. 68 ทำให้ประเทศไทยมีฝนเพิ่มมากขึ้น กับมีฝนตกหนักถึงหนักมากหลายพื้นที่ กับมีลมแรงบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน และภาคเหนือ ในช่วงวันที่ 24–27 ส.ค. 68 -สำนักข่าวไทย

โปรดเกล้าฯ 6 บิ๊ก ขรก.มหาดไทย “ขจรเกียรติ” นั่งอธิบดีกรมที่ดิน

ทำเนียบ 23 ส.ค.- โปรดเกล้าฯ 6 บิ๊กข้าราชการมหาดไทย “ขจรเกียรติ” นั่งอธิบดีกรมที่ดิน ด้าน “เชษฐา” เป็นอธิบดี ปภ. ราชกิจจานุเบกษา ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงมหาดไทย พ้นจากตำแหน่ง และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน 6 ราย ดังนี้ ตั้งแต่วันที่ 21 ส.ค.2568 เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 22 ส.ค.2568 ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี -สำนักข่าวไทย

จับอดีตหัวหน้าพรรคการเมืองโกงเงินอุดหนุน ก่อนหนีกบดานลาว

22 ส.ค. – ตำรวจภูธรภาค 1 จับอดีตหัวหน้าพรรคการเมือง โกงเงินอุดหนุน 17.6 ล้านบาท หนีกบดานลาว ก่อนจนมุมถูกจับกุมได้ พล.ต.ท.สุรพล เปรมบุตร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 (ผบช.ภ.1), พล.ต.ต.นราเดช ทิพย์รักษ์ รอง ผบช.ภ.1, พล.ต.ต.วรชาติ แสนคำ ผบก.สส.ภ.1, พล.ต.ต.ธรรมนูญ เชาวะวนิชย์ ผบก.ภ.จว.สระบุรี และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พระพุทธบาท, ตม.จว.หนองคาย, กกต.จว.หนองคาย ร่วมกันจับกุม นายพีระวิทย์ อายุ 47 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ สืบเนื่องจากเมื่อปี 2562 นายพีระวิทย์ เป็นหัวหน้าพรรคการเมือง รับเงินอุดหนุนพรรคการเมือง เพื่อพัฒนาพรรคการเมือง จำนวนประมาณ 17.6 ล้านบาท โดยไม่มีการทำหลักฐานการเบิกจ่าย ทำให้ กกต. เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับนายพีระวิทย์ และเหรัญญิกพรรค ต่อมาผู้ต้องหาทั้งสองเข้ามอบตัวต่อพนักงานสอบสวน สภ.พระพุทธบาท โดยเลื่อนการเข้าให้ปากคำและแสดงหลักฐานการเบิกจ่ายเงิน และต่อมาผู้ต้องหาทั้งสองได้หลบหนี เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงออกหมายจับในข้อหา […]

“ธีรรัตน์” สั่งผู้ว่าฯ ทั่วประเทศ สแตนด์บาย 24 ชม. รับพายุคาจิกิ

กทม. 22 ส.ค.- “ธีรรัตน์” สั่งการผู้ว่าฯ ทั่วประเทศ สแตนด์บายรับมือผลกระทบ “พายุคาจิกิ” ตลอด 24 ชั่วโมง ย้ำ ประชาสัมพันธ์ข้อมูลให้ประชาชนรับรู้และเตรียมพร้อมอย่างต่อเนื่อง นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า กระทรวงมหาดไทยโดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ได้ติดตามสภาวะอากาศร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับผลกระทบพายุโซนร้อน “คาจิกิ” ซึ่งพบว่าพื้นที่บางส่วนมีความเสี่ยงต้องเฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่ม น้ำท่วมขังในเขตชุมชนเมืองที่เกิดน้ำท่วมขังซ้ำซาก ระหว่างวันที่ 24 – 28 สิงหาคม 2568 ในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคใต้ 45 จังหวัด และกรุงเทพมหานคร นางสาวธีรรัตน์ ได้สั่งการผู้ว่าราชการจังหวัด 45 จังหวัด และศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต รวมถึงกรุงเทพมหานคร กำชับให้จัดเจ้าหน้าที่ติดตามสภาพอากาศ ปริมาณฝน และสถานการณ์น้ำในพื้นที่อย่างใกล้ชิด พร้อมกำชับให้จัดทีมปฏิบัติการพร้อมเครื่องจักรกลสาธารณภัยเข้าประจำพื้นที่เสี่ยง เพื่อเข้าเผชิญเหตุและให้การช่วยเหลือประชาชนได้อย่างทันท่วงทีตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมประกาศแจ้งเตือนและปิดกั้นพื้นที่ไม่ให้บุคคลใดเข้าพื้นที่หากพบว่ามีความเสี่ยง ในส่วนพื้นที่ชายฝั่ง ให้สั่งห้ามนักท่องเที่ยวเล่นน้ำและห้ามเดินเรือทุกชนิดหากสถานการณ์มีแนวโน้มรุนแรง “ให้ผู้ว่าฯ […]

ข่าวแนะนำ

ผบ.ทบ. ตรวจฐานภูมะเขือ ขอบคุณกำลังพลทุ่มเทปฏิบัติงาน

23 ส.ค.- ผบ.ทบ. ตรวจเยี่ยมฐานปฏิบัติการภูมะเขือ ย้ำกำลังพลปฏิบัติงานเต็มความสามารถ ตั้งอยู่บนความปลอดภัย เมื่อวันที่ 23 ส.ค.68 พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ในฐานะ ผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบก (ศปก.ทบ.) พร้อม พล.ท.ชัยพฤกษ์ ด้วงประพัฒน์ รองเสนาธิการทหารบก พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 พล.ต.ธีรนันท์ นันทขว้าง ดำรงตำแหน่งเป็นผู้บัญชาการหน่วยข่าวกรองทางทหาร เดินทางมาตรวจเยี่ยม และรับฟังบรรยายสรุปการปฏิบัติงานของฐานการภูมะเขือ โดยมี พล.ต.สมภพ ภาระเวช ผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี พร้อมด้วยฝ่ายเสนาธิการกองกำลังสุรนารี, ผู้บังคับหน่วย และหัวหน้าส่วนราชการในพื้นที่ให้การต้อนรับ และร่วมปฏิบัติภารกิจ ผู้บัญชาการทหารบก รับฟังการบรรยายสรุปสถานการณ์ และการปฏิบัติงาน ณ ฐานปฏิบัติการภูมะเขือกลาง พร้อมทั้งมอบเครื่องอุปโภคบริโภคให้กับกำลังพลที่ปฏิบัติหน้าที่ฐานปฏิบัติการภูมะเขือ ผู้บัญชาการทหารทัพบก กล่าวขอบคุณกำลังพลทุกนายที่ทุ่มเทปฏิบัติงานอย่างเต็มกำลังความสามารถ ให้ปฏิบัติภารกิจอย่างปลอดภัย จากนั้นได้เดินดูบริเวณฐานธุรการและพื้นที่ต่างๆ บนภูมะเขือ -สำนักข่าวไทย

เร่งเคลียร์ซากสะพานลอยถล่ม ขวางถนนสาย 317 จันทบุรี-สระแก้ว

จันทบุรี 23 ส.ค.- เร่งเคลียร์ซาก! เหตุสะพานลอยคอนกรีตที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง พังถล่มขวางถนนสาย 317 จันทบุรี-สระแก้ว ส่งผลเช้านี้การจราจรติดขัดสะสม คาดเสียหายไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท เมื่อเวลาประมาณ 22.20 น. ที่ผ่านมา พื้นที่ก่อสร้างสะพานลอยข้ามถนนสาย 317 จันทบุรี-สระแก้ว ระหว่างฝั่งขาเข้าเมือง บ้านมะทาย ต.ปัถวี ข้ามไปยังตลาดกลางเทศบาลตำบลมะขามเมืองใหม่ อ.มะขาม จ.จันทบุรี กล้องวจรปิดร้านขายของชำบันทึกภาพวินาทีระทึก  ขณะคานสะพานพังถล่ม โดยยังมีคนงานเดินอยู่ใกล้กับที่เกิดเหตุหลายสิบคน โชคดีไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ จากการตรวจสอบความเสียหายในที่เกิดเหตุ เบื้องต้นพบรถเทรลเลอร์ 1 คัน และรถเครนของบริษัทรับเหมาเอกชนอีก 1 คัน ถูกคานสะพาน คอนกรีตที่หนักรวมกว่า 116 ตัน ถล่มลงมาทับพังเสียหาย กีดขวางการจราจรทั้งขาเข้าและขาออก เบื้องต้นกรมทางหลวงซึ่งเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบ ได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและผู้รับเหมา เร่งดำเนินการใช้แยกคอนกรีตตัดคานสะพานออก เพื่อง่ายต่อการเคลียร์เส้นทาง เนื่องจากเป็นถนนสายหลัก ส่วนมูลค่าความเสียหายคาดไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท สอบถามเจ้าหน้าที่กรมทางหลวง ทราบข้อมูลเบื้องต้นว่าสะพานลอยแห่งนี้ มีรูปแบบการก่อสร้างประกอบด้วย เสาเตาหม้อคอนกรีตเสริมเหล็กจำนวน 2 ต้น มีความกว้างของทางเดินบนสะพาน 2.4 เมตร พร้อมราวจับและหลังคายาวตลอดทางเดินราว 36 เมตร ซึ่งครอบคลุมบันไดทั้งขาขึ้นและลง […]

อัญเชิญ “พระบรมรูป ร.7” องค์ใหม่ ประดิษฐานอาคารรัฐสภา

รัฐสภา 23 ส.ค.- อัญเชิญ “พระบรมรูปรัชกาลที่ 7” องค์ใหม่ ประดิษฐานอาคารรัฐสภา ใหญ่กว่าพระองค์จริง 4 เท่า สูง 7.7 เมตร ด้าน “วันนอร์” คาดแล้วเสร็จ พ.ค.69 เตรียมหารือ สนว. จัดพระราชพิธีเปิดฯ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภาและประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วยนายไชยา พรหมา รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 นายฉลาด ขามช่วง รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 2 นายศิโรจน์ แพทย์พันธุ์ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร พร้อมข้าราชการรัฐสภา ถวายราชสักการะพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าอยู่หัว องค์ใหม่ พระที่นั่งพุดตานกาญจนสิงหาสน์ และเครื่องประกอบ เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนขึ้นประดิษฐาน หน้าอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ นายวันมูหะมัดนอร์ ยังระบุว่า การก่อสร้างและอัญเชิญพระบรมรูป จะแล้วเสร็จในช่วงเดือนพฤษภาคม 2569 โดยจะมีการหารือกับสำนักพระราชวัง หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการจัดพระราชพิธีเปิดพระบรมรูปต่อไป ซึ่งวันนี้ต้องทำให้เกิดความสง่างาม รวมทั้งปรับภูมิทัศน์บริเวณโดยรอบ พร้อมย้ำว่าการดำเนินการดังกล่าว มีการติดตามรับผิดชอบจากสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรและสำนักงานกลาง […]

มท.2 พบทหารเขมรดักซุ่มเนิน 350 ก่อนเจอทุ่นระเบิด PMN-2

23 ส.ค.- กองทัพภาคที่ 2 อัปเดตสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา พบทหารเขมร BHQ ดักซุ่มเนิน 350 ตรวจการณ์ฝ่ายไทย ก่อนเจอทุ่นระเบิด PMN-2 เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2568 เวลา 16.00 น. ทหารฝ่ายไทยได้ตรวจพบทหารฝ่ายกัมพูชา ประมาณ 2–3 นาย คาดว่าเป็นหน่วย BHQ เนื่องจากมีการสวมหมวกทรง FAST สีดำ และได้กระทำการดักซุ่มตรวจการณ์ฝ่ายไทย บริเวณทิศตะวันตก เนิน 350 ต.บักได อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ห่างจากแนวเส้นปฏิบัติการเข้ามาฝั่งไทยประมาณ 100 เมตร ขณะเข้าทำการตรวจสอบพื้นที่ หน่วยได้ตรวจพบ ทุ่นระเบิด PMN-2 บริเวณจุดที่พบทหารกัมพูชาดักซุ่ม จำนวน 1 ทุ่น หน่วยจึงได้ใช้เครื่องตรวจทุ่น ตรวจสอบพื้นที่โดยละเอียด และได้ทำเครื่องหมาย เพื่อรอรับการสนับสนุนชุดตรวจค้นทุ่นระเบิดดำเนินการต่อไป จากสถานการณ์ดังกล่าวยืนยันได้ว่า ฝ่ายกัมพูชายังคงลักลอบใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคลในพื้นที่อธิปไตยของไทย ซึ่งเป็นการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงและละเมิดสนธิสัญญาออตตาวาอย่างต่อเนื่อง ทหารฝ่ายไทยยังคงติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และพร้อมปกป้องอธิปไตยของชาติ […]