SCB FM ประเมินเงินบาทยังอ่อนค่าครึ่งปีแรก

กรุงเทพฯ 9 ม.ค. – SCB FM มองเงินดอลลาร์จะแข็งค่าต่อ-นโยบายการเงินไทยผ่อนคลาย ทำให้เงินบาทยังอ่อนค่าในช่วงครึ่งปีแรก อาจแตะระดับ 35.50 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ แต่มีโอกาสกลับมาแข็งค่าครึ่งปีหลัง หากมีเงินทุนไหลเข้า มองกรอบ 33.50-34.50 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ
 
กลุ่มงานตลาดการเงิน ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB Financial Markets: SCB FM) เปิดเผยว่า Theme ตลาดการเงินโลกในปีนี้น่าจะยังถูกนำโดยสินทรัพย์สกุลดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐฯ มีแนวโน้มแข็งแกร่งกว่าเศรษฐกิจหลักอื่น ขณะที่นโยบายการเงินจะยังค่อนข้างตึงตัวจากการที่ Fed จะลดดอกเบี้ยช้าลง จึงทำให้นักลงทุนจะยังถือครองเงินดอลลาร์สหรัฐ และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ มีแนวโน้มลดลงอีกเล็กน้อย อย่างไรก็ดี เงินยูโรและเงินหยวนจะยังอ่อนค่าต่อในปีนี้ จากเศรษฐกิจที่คาดว่าจะยังอ่อนแอ และความเสี่ยงจากมาตรการขึ้นภาษีนำเข้าที่จะยิ่งทำให้การฟื้นตัวช้าลง ทั้งนี้ เงินเยนจะเป็นสกุลเงินหลักที่กลับมาแข็งค่าได้ในช่วงไตรมาสที่สอง หากค่าแรงและเงินเฟ้อญี่ปุ่นยังอยู่ในระดับสูงตามที่คาด ซึ่งจะทำให้ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) กลับมาขึ้นดอกเบี้ยในไตรมาสที่สองได้ สำหรับเงินบาทนั้น มองว่าในช่วงครึ่งแรกของปีมีแนวโน้มอ่อนค่าต่อ จากเงินดอลลาร์ที่แข็งค่า และนโยบายการเงินไทยที่ผ่อนคลายขึ้น โดยมองว่ามีโอกาสแตะระดับ 35.50 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ อย่างไรก็ดีเงินบาทอาจเริ่มกลับมาแข็งค่าได้ในครึ่งปีหลัง หากเริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกที่จะทำให้เงินไหลออกจากสหรัฐฯ ได้ ประกอบกับ Valuation ของเงินดอลลาร์ที่สูงมากแล้ว ทำให้มีโอกาสกลับมาอ่อนค่า


นายแพททริก ปูเลีย ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงานตลาดการเงิน ธนาคารไทยพาณิชย์ เปิดเผยว่า ในปี 2568 นี้ สินทรัพย์สกุลดอลลาร์สหรัฐน่าจะมีผลตอบแทนเป็นบวกอีกได้ เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะขยายตัวดีกว่าประเทศหลักอื่น สะท้อนจากเลขเศรษฐกิจ ทั้งตลาดแรงงาน และ PMI ที่ออกมาดีกว่าคาดทำให้ Fed น่าจะลดดอกเบี้ยช้าลง โดยคาดว่าจะลดดอกเบี้ยอีกเพียง 50 bps ในปีนี้ สอดคล้องกับใน Dot plot ล่าสุดของ Fed และที่ตลาด Price-in ซึ่งจะน้อยกว่าในปี 2567 ที่ Fed ลดดอกเบี้ยถึง 100 bps ดัชนีเงินดอลลาร์น่าจะยังแข็งค่าต่อได้ในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ แม้เงินจะแข็งค่าขึ้นมากแล้วในปีก่อน เนื่องจากตลาดอาจยังอยู่ในโหมด Wait-and-see ซึ่งจะหนุนให้เงินดอลลาร์ต่อได้ อย่างไรก็ดี ในช่วงครึ่งปีหลัง เงินดอลลาร์สหรัฐอาจกลับมาอ่อนค่าจาก Valuation ที่สูงมากแล้ว และเงินทุนที่อาจไหลออกจากสหรัฐฯ สำหรับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ นายแพททริกมองว่า Treasury yields ปรับลดลงอีกเล็กน้อย ตามการลดดอกเบี้ยของ Fed และ Curve มีแนวโน้มชัน (Steepen) ขึ้น จาก Yields ระยะสั้นที่ลดลงมากกว่า ด้านตลาดหุ้นสหรัฐฯ แม้จะปรับสูงขึ้นมามากในปีที่แล้ว แต่ยังมองว่ามีโอกาสปรับสูงขึ้นได้อีกเล็กน้อย นำโดยกลุ่มเทคโนโลยีที่น่าจะได้มีการใช้ AI มากขึ้น (Adoption) และกลุ่มอื่น ๆ ที่จะได้รับอานิสงส์จากมาตรการดูแล (Regulation) ที่มีแนวโน้มเข้มงวดน้อยลง เช่น กลุ่มธุรกิจการเงิน

เงินยูโรและเงินหยวนมีแนวโน้มอ่อนค่าต่อเนื่องในปีนี้ โดยเงินยูโรอาจอ่อนค่าจากเศรษฐกิจยุโรปที่น่าจะยังอ่อนแอจากภาคการผลิตที่หดตัว การแข่งขันจากประเทศจีนที่สูงขึ้น มาตรการสนับสนุนจากภาครัฐที่อาจลดลง ความไม่แน่นอนทางการเมืองในประเทศ และความเสี่ยงจากการขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ทำให้ ECB จะยังลดดอกเบี้ยลงแรงได้ โดยนายแพททริกมองว่า ECB อาจลดดอกเบี้ยอีกต่อเนื่องถึง 125 bps ในปีนี้ ซึ่งอาจทำให้เงินยูโรอาจลงไปใกล้ระดับ 1.00 ยูโรต่อดอลลาร์สหรัฐ ภายในสิ้นปี สำหรับเงินหยวน จะยังอ่อนค่าลงต่อ แม้ทางการจีนน่าจะออกมาตรการสนับสนุนเพิ่มเติม โดยคาดว่าอาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย และ Required reserve ratio ลง อีกทั้ง ทางการอาจใช้มาตรการที่เน้นกระตุ้นการบริโภคมากขึ้น โดยได้ตั้งเป้าขาดดุลการคลังสูงขึ้น และคาดว่าจะออกพันธบัตรรัฐบาลกลางและท้องถิ่นเพิ่มเพื่อสนับสนุนโครงการต่างมากขึ้น อย่างไรก็ดี เศรษฐกิจจีนน่าจะยังอ่อนแอจากความเสี่ยงหลายด้าน อีกทั้ง ทางการจีนอาจตั้งใจปล่อยให้เงินหยวนอ่อนค่าขึ้น เพื่อเป็น Cushion ต่อการส่งออกที่มีแนวโน้มแย่ลง จึงมองว่า เงินหยวนมีโอกาสอ่อนค่าแตะ 7.50 หยวนต่อดอลลาร์ภายในสิ้นปีนี้


เงินเยนอาจเป็นเพียงสกุลหลักเดียวที่มีแนวโน้มกลับมาแข็งค่าได้ในช่วงไตรมาสสอง จากการขึ้นดอกเบี้ยของ BOJ หากเงินเฟ้อและค่าแรงญี่ปุ่นยังสูงตามที่คาด นอกจากนี้ มาตรการของ Trump อาจส่งผลต่อเศรษฐกิจญี่ปุ่นจำกัด เนื่องจากรัฐบาลญี่ปุ่นอนุมัติมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหญ่กว่า 39 ล้านล้านเยน เพื่อประคับประคองเศรษฐกิจ รวมถึงคาดว่าการลงทุนภาคเอกชนยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเพื่อทดแทนการขาดแคลนแรงงาน ทั้งนี้ ในระยะสั้นหรือช่วงไตรมาสแรก เงินเยนน่าจะยังอ่อนค่าจากดัชนีเงินดอลลาร์ที่ยังแข็งค่าตามนโยบาย Fed ที่จะยังค่อนข้างตึงตัว (Hawkish) และกว่าที่ BOJ จะขึ้นดอกเบี้ยได้อาจต้องรอถึงเดือน เม.ย. เพื่อรอดูแนวโน้มการขึ้นค่าแรง(Shunto) ในประเทศ

นายวชิรวัฒน์ บานชื่น นักกลยุทธ์ตลาดการเงินอาวุโส ธนาคารไทยพาณิชย์ เปิดเผยว่า เงินบาทมีแนวโน้มอ่อนค่าในช่วงครึ่งแรกของปี จากดอลลาร์ที่ยังแข็งค่า และนโยบายการเงินไทยที่ผ่อนคลายขึ้น โดยแรงกดดันด้านอ่อนค่าอาจมาจากเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าตามตีม US Exceptionalism ที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ แข็งแกร่งกว่าประเทศหลักอื่น อีกทั้ง เงินบาทจะยังเผชิญแรงกดดันด้านอ่อนค่าจากสกุลเงินอื่น เช่น เงินยูโรและเงินหยวน ทำให้บาทอ่อนค่าตาม สำหรับปัจจัยในประเทศที่จะทำให้เงินบาทอ่อนค่าต่อได้มาจากแนวโน้มเศรษฐกิจที่โตชะลอลงตามการบริโภคและส่งออกที่มีแนวโน้มชะลอ จึงมองว่าเงินบาทอาจอ่อนค่าไปแตะระดับ 35.50 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐได้ภายในช่วงครึ่งปีแรก อย่างไรก็ดี มองว่ามีโอกาสที่เงินบาทอาจกลับมาแข็งค่าได้ในช่วงครึ่งปีหลัง หากเริ่มเห็นสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกที่จะทำให้เงินไหลออกจากสหรัฐฯ ได้ ประกอบกับ Valuation ของเงินดอลลาร์ที่สูงมากแล้ว อีกทั้ง มองว่าราคาทองอาจปรับสูงขึ้นได้ต่อ ซึ่งจะช่วยหนุนให้เงินบาทกลับมาแข็งค่าได้ ด้วยเหตุนี้ จึงมองว่าเงินบาทอาจกลับมาแข็งค่าที่กรอบ 33.50-34.50 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ.-516-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

กระดูกเทียมไทเทเนียม นวัตกรรมไทยช่วยทหารกล้าชายแดน

กรุงเทพฯ 16 ส.ค.-สินค้า IP ไทยสุดเลิศ ผลิตกระดูกเทียมและอุปกรณ์ช่วยผ่าตัด ช่วยเหลือทหารแนวหน้าที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ต่อยอดส่งออกสร้างรายได้ให้กับประเทศไทยในระยะยาว นายจตุพร บุรุษพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า กรมทรัพย์สินทางปัญญา ร่วมกับบริษัท เมติคูลี่ จำกัด ผู้ผลิตกระดูกเทียมและอุปกรณ์ช่วยผู้ป่วยผ่าตัด ช่วยเหลือทหารแนวหน้าที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา จำนวน 4 ราย ซึ่งรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี และโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าตามลำดับ เพื่อให้ทหารกล้าของไทยฟื้นฟูสภาพร่างกายให้กลับมามีคุณภาพชีวิตที่ดีโดยเร็ว “ความร่วมมือครั้งนี้ เริ่มจากกระทรวงพาณิชย์ลงพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานีเยี่ยมผู้ประสบภัย ชายแดนไทย–กัมพูชา เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2568 จากนั้นได้ประสานกับ เมติคูลี่ ซึ่งได้รับเลือกจากกรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ ให้เป็น IP Champion ในสาขาสิทธิบัตรการประดิษฐ์ประจำปีนี้ มอบแผ่นปิดกะโหลกเทียมไทเทเนียมออกแบบเฉพาะบุคคล และกระดูก มือเทียมไทเทเนียมเฉพาะบุคคลให้ทางโรงพยาบาลเพื่อให้นายทหารที่ผ่านการผ่าตัดเปิดกะโหลกศีรษะ 3 ราย และผ่าตัดข้อมือ 1 ราย ได้รับการรักษาที่มีความแม่นยำสูง ด้วยการออกแบบกระดูกที่มีขนาดจำเพาะกับสรีระผู้ป่วย ทำให้ผู้ป่วยฟื้นฟูร่างกายได้ดีขึ้น และสามารถกลับไปใช้ชีวิตได้อย่างปกติ โดยกระทรวงฯ ได้รับความร่วมมืออย่างดีจากกองบัญชาการกองทัพภาคที่ 2” […]

“นราธิวาส” จับยาไอซ์ลอตใหญ่ 900 กก. ซุกรถขนผัก

กทม.16 ส.ค.-“ภูมิธรรม” เผย “นราธิวาส” จับยาไอซ์ลอตใหญ่ 900 กก. ซุกรถขนผัก สั่งการเร่งขยายผลต่อเนื่อง พร้อมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจากว่าที่ร้อยตรี ตระกูล โทธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ว่าจากการดำเนินงานตามนโยบายของรัฐบาล ที่มุ่งปราบปรามยาเสพติดอย่างเด็ดขาด ในวันนี้ทางจังหวัดนราธิวาสร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ได้มีการแกะรอย และตรวจค้นรถกระบะที่มีการลักลอบขนส่งยาเสพติด บริเวณอำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส สามารถตรวจจับยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ไอซ์) ซุกซ่อนอยู่ในรถกระบะขนผัก จำนวน 30 กระสอบ น้ำหนักรวมประมาณ 900 กิโลกรัม และได้ทำการควบคุมตัวตัวผู้ต้องหาไว้ได้แล้ว นายภูมิธรรม กล่าวอีกว่า ตนได้มอบหมายให้ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม และนายเดชอิศม์ ขาวทอง รมช.มหาดไทย ลงพื้นที่จังหวัดนราธิวาส เพื่อติดตามการดำเนินงานและร่วมแถลงผลการจับกุมในวันที่ 16 ส.ค.นอกจากนี้ยังได้ให้กำลังใจผ่านผู้ว่าราชการจังหวัด ไปยังเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานทุกท่านที่ทำหน้าที่อย่างเข้มข้น ตั้งใจ จนสามารถจับกุมกรณีการลักลอบขนส่งยาเสพติดล็อตใหญ่นี้ได้ และได้ให้ติดตามเพื่อขยายผลการจับกุมต่อไป.-319.-สำนักข่าวไทย

รัฐบาลย้ำเกษตรกรเร่งขึ้นทะเบียน-ปรับปรุงข้อมูลทางทะเบียน รับเงินช่วยเหลือ

ทำเนียบฯ 16 ส.ค. – รัฐบาลย้ำเกษตรกรเร่งขึ้นทะเบียนและปรับปรุงข้อมูลทางทะเบียนปีการผลิต 2568/69 พร้อมรอรับเงินช่วยเหลือตามนโยบายรัฐบาล นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่คณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ (นบข.) เห็นชอบโครงการพัฒนาศักยภาพการผลิตข้าวของเกษตรกรปลูกข้าวปีการผลิต 2568/69 และนาปรังปีการผลิต 2568 โดยจะจ่ายเงินช่วยเหลือชาวนา ไร่ละ 1,000 บาท ไม่เกิน 10 ไร่ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนจากปัญหาต้นทุนการผลิตสูงและราคาข้าวที่ตกต่ำ ซึ่งเกษตรกรที่ทำนาปรังและนาปี จะได้รับเงินหลังจากลงทะเบียนและตรวจสอบสิทธิแล้วเสร็จ ทั้งนี้ คาดว่าจะเกษตรกรที่ทำนาปรังจะได้รับเงินเร็วที่สุดภายในเดือนกันยายน 2568 ส่วนเกษตรกรที่ทำนาปี จะได้รับในช่วงปลายปีนี้ หรือต้นปีงบประมาณ 2569 รัฐบาลโดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ขอเชิญชวนเกษตรกรทั่วประเทศ เร่งดำเนินการขึ้นทะเบียนและปรับปรุงทะเบียนเกษตรกร ประจำปีการผลิต 2568/69 โดยเกษตรกรสามารถขึ้นทะเบียนเกษตรกรผ่านช่องทางการบริการของรัฐโดยไม่มีค่าใช้จ่ายดังนี้ วิธีที่ 1 แจ้งกับเจ้าหน้าที่ สำหรับเกษตรกรรายเดิม แปลงเดิม สามารถแจ้งข้อมูลได้ที่สำนักงานเกษตรอำเภอทุกแห่ง หรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีความพร้อม และร่วมเป็นหน่วยสนับสนุนที่เกษตรกรมีพื้นที่การเกษตรอยู่ รวมถึงแจ้งข้อมูลผ่านผู้นำชุมชนหรือตัวแทนอาสาสมัครเกษตรหมู่บ้าน (อกม.) หรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย ส่วน เกษตรกรรายใหม่ และรายเดิม แต่เพิ่มแปลงใหม่ […]

“วีระ” เตือน รัฐบาลควรเลิกนโยบายกึ่งการคลัง หลังแบกหนี้ 1 ล้านล้านบาท

รัฐสภา 15 ส.ค.-“วีระ” เตือน รัฐบาลควรเลิกนโยบายกึ่งการคลัง ผ่านสถาบันการเงินเฉพาะกิจ หลังแบกหนี้ 1 ล้านล้านบาท ตั้งคำถามหลายรัฐวิสาหกิจมีผลกำไรดี จะมาตั้งของบอีกทำไม นายวีระ ธีระภัทรานนท์ ในฐานะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 ในเรื่องของรัฐวิสาหกิจ ว่า ในเอกสารงบประมาณที่เป็นงบประมาณรายจ่าย มาตรา 29 มีรัฐวิสาหกิจ 21 แห่งของบประมาณรวมกันทั้งสิ้น 79,298 ล้านบาท แต่ค่าใช้จ่ายของรัฐวิสาหกิจทั้งหมด 1.43 แสนล้านบาท ซึ่งในรัฐวิสาหกิจ 21 แห่งที่ของบประมาณมาตนไม่ค่อยติดใจ เพราะมีรัฐวิสาหกิจจำนวนหนึ่งไม่มีรายได้ อีกส่วนเป็นรัฐวิสาหกิจมีรายจ่ายมากกว่ารายได้ บางรัฐวิสาหกิจมีหนี้สินจำนวนมาก เช่น ขสมก. การรถไฟแห่งประเทศไทย นายวีระ ฝากไปถึงคนที่ต้องจัดการรัฐวิสาหกิจว่า รัฐวิสาหกิจที่มีปัญหารัฐบาลต้องตัดสินใจให้เด็ดขาดว่า รัฐวิสาหกิจเหล่านั้นคงอยู่ต่อไปในสภาพแบบนั้น หรือ จะดำเนินการแปรรูปให้เอกชนเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ เพื่อไม่ให้เกิดภาระการคลังในอนาคตอย่างที่เป็นอยู่ปัจจุบัน สำหรับกรณี บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งประสบความสำเร็จในการฟื้นฟูกิจการ โดยที่รัฐบาลยังถือหุ้นใหญ่อยู่ประมาณ 40% แต่ไม่มีสถานะภาพเป็นรัฐวิสาหกิจอีกต่อไป […]

ข่าวแนะนำ

ศูนย์ทุ่นระเบิดจบภารกิจหนุนชายแดน เก็บกู้สรรพาวุธตกค้างกว่า 800 ลูก

17 ส.ค. – ศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดฯ สิ้นสุดภารกิจวันนี้ (17 ส.ค. 68) หลังสนับสนุนการเก็บกู้ระเบิดจากเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา โดยเก็บกู้สรรพาวุธตกค้างกว่า 800 ลูก ในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดนอีสานใต้ ศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ หรือ TMAC สิ้นสุดภารกิจวันนี้ (17 ส.ค. 68) หลังสนับสนุนการเก็บกู้ระเบิดจากเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ตั้งแต่วันที่ 1-16 สิงหาคมที่ผ่านมา TMAC ได้เก็บกู้สรรพาวุธที่ตกค้างกว่า 800 ลูก ในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดนอีสานใต้ ได้แก่ บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี ประกอบด้วย กระสุน BM-21 ลูกปืนใหญ่ ปืน ค จรวด ก่อนหน้าสถานการณ์ตึงเครียด กัมพูชาขัดขวางการเก็บกู้ทุ่นระเบิด ไม่จริงใจแก้ปัญหา ทั้งที่เป็นประเทศภาคีอนุสัญญาออตตาวา ที่ห้ามใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล สำหรับอำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี มีบ้านเรือนได้รับความเสียหายจากเหตุปะทะ 81 หลังคาเรือน […]

ตรวจสอบ รร.ประถม “พระอลงกต” ไม่ปรากฏชื่อ

ขอนแก่น 17 ส.ค.- กองปราบจ่อประชุมคณะทำงานคดี “หมอบี” เชื่อเจ้าตัวไม่หนี ขณะที่ทนายวัดพระบาทน้ำพุเลื่อนแถลงข่าว อ้างเอกสารชี้แจงยังไม่เรียบร้อย ตรวจสอบโรงเรียนประถม “พระอลงกต” ไม่ปรากฏชื่อ กรณีเพจดังตั้งข้อสงสัยวุฒิการศึกษาพระอลงกต เจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ อ้างว่าปี 2518 ยังเรียน มศ.2 จะจบวิศวฯ ปี 2519 ได้อย่างไร ผู้สื่อข่าวสอบถามแหล่งข่าวในสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา (สพป.) และสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา (สพม.) ให้ข้อมูลว่ากรณีพระอลงกต ระบุว่าจบการศึกษาที่โรงเรียนระดับประถม(นันทวิทยาลัย) ปรากฏว่าไม่มีชื่อโรงเรียนนี้อยู่ในสังกัดสำนักงานเขตของพื้นที่ทั้ง 26 อำเภอ ใน จ.ขอนแก่น หรือถ้ามี ก็อาจจะปิดตัวไปแล้ว   ส่วนระดับมัธยมศึกษานั้น ข้อมูลยืนยันว่า พระอลงกต ศึกษาจบระดับชั้น มศ.2 ที่โรงเรียนแก่นนครวิทยาลัย จังหวัดขอนแก่นจริง มีศิษย์เก่าทั้งระดับชั้นเดียวกัน และรุ่นพี่รุ่นน้องต่างยืนยันว่า พระอลงกต จบจากโรงเรียนแก่นนครวิทยาลัยจริง ในปี 2518 แต่ยังสงสัยในระดับปริญญาตรีว่าจะจบจริงหรือไม่   เชื่อ “หมอบี” ยังไม่หลบหนี พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ […]

รวบแล้ว “ลุงคลั่ง” ใช้ไม้หน้าสามตีหลานสาวดับ

ตรัง 17 ส.ค.- ตำรวจ สภ.ห้วยยอด รวบลุงคลั่งใช้ไม้หน้าสามฟาดหลานสาวแท้ๆ เสียชีวิตคาบ้านพัก สารภาพอ้างแค้นใจสะสมมานาน มีปากเสียงบ่อยครั้ง ตำรวจ สภ.ห้วยยอด จ.ตรัง คุมตัวนายสุริยัณห์ อายุ 44 ปี ผู้ต้องหาที่ก่อเหตุใช้ไม้หน้าสาม กระหน่ำตี น.ส.ปาริชาติ หรือน้องเชียร์ อายุ 21 ปี นักศึกษาพยาบาลชั้นปีที่ 3 ซึ่งเป็นหลานสาวแท้ๆ ของตัวเองจนเสียชีวิตภายในบ้านพัก จากนั้นหลบหนีขึ้นไปบนเขา คลองมวน  ต.หนองปรือ อ.รัษฎา เจ้าหน้าที่สนธิกำลังเข้าปิดล้อมภูเขา ก่อนจับกุมตัวได้พร้อมของกลางไม้หน้าสามเปื้อนเลือด ความยาวประมาณ 60 เซนติเมตร  สอบสวนนายสุริยัณห์ รับสารภาพว่าลงมือก่อเหตุจริง โดยอ้างว่ามีปัญหากับหลานสาวมานาน มักมีปากเสียงบ่อยครั้ง วันเกิดเหตุได้บุกเข้าไปในห้อง ใช้ไม้หน้าสามฟาดเข้าที่ท้ายทอยของหลานสาว 6–7 ครั้งจนเสียชีวิต ก่อนหลบหนีออกจากบ้าน ผู้ต้องหาระบุว่า เคยทำงานเป็นช่างสักตามเกาะท่องเที่ยว เช่น เกาะพะงัน และเกาะพีพี แต่มีปัญหาจึงกลับมาอยู่บ้าน มีประวัติเกี่ยวข้องกับยาเสพติด และเคยถูกส่งตัวเข้าบำบัดหลายครั้ง ขณะถูกสอบสวนยังสามารถโต้ตอบคำถามได้ปกติ แต่ไม่มีท่าทีสำนึกผิดกับสิ่งที่ทำลงไป สำหรับศพของ “น้องเชียร์” ล่าสุด […]

ตร.เข้มปราบแข่งรถบนทางด่วน เร่งสอบเหตุรถชน 11 คัน

17 ส.ค.- สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ย้ำปราบปรามแข่งรถในทางอย่างเข้มงวด กรณีเกิดอุบัติเหตุรถชน 11 คัน บนทางด่วนศรีรัช–อุดรรัถยา เร่งตรวจสอบ พบความผิดใด ดำเนินคดีทุกกรณี วันนี้ (17 สิงหาคม 2568) พล.ต.ท.นิธิธร จินตกานนท์ ผู้บัญชาการศึกษา ในฐานะหัวหน้าคณะทำงานเสริมสร้างภาพลักษณ์ตำรวจจราจร ศูนย์บริหารงานจราจร และหัวหน้าฝ่ายประชาสัมพันธ์และเสริมสร้างภาพลักษณ์ตำรวจงานป้องกันปราบปราม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า จากกรณีวันที่ 16 สิงหาคม 2568 เวลาประมาณ 00.30 น. ศูนย์วิทยุ สภ.ปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี ได้รับแจ้งเหตุรถยนต์เฉี่ยวชนกันหลายคัน บนทางด่วนศรีรัช – อุดรรัถยา ขาออก มุ่งหน้า จังหวัดปทุมธานี พื้นที่ตำบลบ้านใหม่ อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี เจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมหน่วยกู้ภัยการทางพิเศษเร่งเข้าตรวจสอบ พบรถยนต์เสียหายรวมทั้งสิ้น 11 คัน มีผู้ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยจำนวน 3 ราย เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตรวจสอบที่เกิดเหตุ และตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์ของผู้ขับขี่ทั้งหมด ผลการตรวจไม่พบปริมาณแอลกอฮอล์ในร่างกาย อย่างไรก็ตาม จากพฤติการณ์เบื้องต้นสันนิษฐานว่าเป็นการขับรถด้วยความประมาท […]