ภูมิภาค 22 ก.ค. – เขื่อนสิริกิติ์ จ.อุตรดิตถ์ วิกฤติจากปัญหาฝนทิ้งช่วง ชาวบ้านที่อาศัยน้ำเขื่อนหล่อเลี้ยงชีวิตได้รับความเดือดร้อน ขณะที่เขื่อนแม่งัด จ.เชียงใหม่ ขอให้ชาวนาชะลอการปลูกข้าว เนื่องจากปริมาณน้ำน้อย
สภาพเขื่อนสิริกิติ์ ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ จากที่เคยมีน้ำเก็บกักตลอดช่วงฤดูฝน วันนี้มีสภาพเป็นเนินดินกว้างสุดลูกตา กลายเป็นทุ่งหญ้าเลี้ยงโค-กระบือ สภาพเช่นนี้เกิดขึ้นมานาน 2 สัปดาห์แล้ว หลังฝนทิ้งช่วง ทำให้ระดับน้ำลดลงและแห้งขอด จากเขื่อนขนาดใหญ่เปลี่ยนแปลงสภาพเป็นแอ่งน้ำ
ภาวะฝนทิ้งช่วง ส่งผลให้ปริมาณน้ำไหลเข้าเขื่อนเพียงวันละ 3 ล้านลูกบาศก์เมตร แต่ต้องระบายน้ำออกช่วยเหลือพื้นที่ท้ายน้ำถึงวันละ 20 ล้านลูกบาศก์เมตร ทำให้ตอนนี้เขื่อนสิริกิติ์มีน้ำพร้อมใช้งานเหลือเพียงร้อยละ 7 เทียบกับปลายเดือนกรกฎาคมปีที่แล้ว เขื่อนมีน้ำพร้อมใช้งานมากเกือบร้อยละ 40
ผลจากความแห้งแล้ง น้ำในเขื่อนอยู่ในระดับวิกฤติจนไม่สามารถระบายน้ำผ่านช่องทางปกติ ชาวบ้าน อ.ท่าปลา จ.อุตรดิตถ์ ที่อยู่ท้ายเขื่อน ต้องขุดร่องน้ำเป็นแนวยาวกว่า 1 กิโลเมตร และสูบน้ำจากแอ่งน้ำในเขื่อนมาใช้อุปโภคบริโภค ส่วนชาวประมงน้ำจืดที่บ้านท่าเรือ ซึ่งอาศัยจับปลาท้ายเขื่อนและทำแพท่องเที่ยว นอกจากขาดรายได้จากวิกฤติภัยแล้งแล้ว ยังต้องแบกภาระจากการลากจูงแพออกไปหลายกิโลเมตร กว่าจะถึงระดับน้ำ บางรายยอมให้แพติดค้างบนเนินดินจนเริ่มผุพัง รอวันที่น้ำเพิ่มสูงค่อยกลับมาซ่อมแซม
ส่วนสถานการณ์น้ำเขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชล จ.เชียงใหม่ วันนี้มีปริมาณน้ำเก็บกักเหลือเพียงร้อยละ 29 เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีน้ำร้อยละ 45 ของความจุเขื่อน จนต้องประกาศให้เกษตรกรในพื้นที่โครงการชลประทานชะลอการปลูกพืชใช้น้ำ โดยเฉพาะพื้นที่ปลูกข้าวนาปีใน 5 อำเภอ ให้ชะลอการปลูกเกือบทั้งหมดจนกว่าจะถึงต้นเดือนสิงหาคม
สภาวะแล้งในฤดูฝนยังส่งผลให้แหล่งน้ำธรรมชาติและปริมาณน้ำท่าในแม่น้ำสายต่างๆ ที่เชียงใหม่ ต่ำกว่าเกณฑ์ค่อนข้างมาก แม้แต่ลำน้ำปิงก็มีปริมาณน้อยกว่าปีที่แล้วเกือบร้อยละ 80 เสี่ยงต่อปัญหาขาดแคลนน้ำเพื่ออุปโภคบริโภค โครงการชลประทานเชียงใหม่วางแผนสำรองน้ำดิบจากอ่างเก็บน้ำ 7 แห่ง สำหรับผลิตน้ำประปา ขณะที่เขื่อนแม่งัดเตรียมระบายน้ำลงสู่ลำน้ำปิงสัปดาห์ละ 1 ล้านลูกบาศก์เมตร เพื่อการผลิตน้ำประปา และรักษาระบบนิเวศจนกว่าจะเข้าสู่ภาวะปกติ. – สำนักข่าวไทย