พ.อ.วินัยแนะรัฐตีแผ่สัญญาสัมปทานโฮปเวลล์

กรุงเทพฯ 23 เม.ย.-“พ.อ.วินัย” เผยเข้ามาทำโครงการโฮปเวลล์ปี 35-38 ต่อจาก “มนตรี พงษ์พานิช” แต่การดำเนินงานล่าช้า จนพ้นจากตำแหน่งก็ไม่ได้ตามเรื่องต่อ แนะรัฐตีแผ่สัญญาสัมปทานโฮปเวลล์และการดำเนินโครงการในแต่ละรัฐบาล รวมทั้งคำฟ้องและคำตัดสิน  ย้ำใครเกี่ยวข้องต้องดำเนินคดีโดยไม่ละเว้น 


พ.อ.วินัย สมพงษ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรววงคมนาคม ให้สัมภาษณ์ “สำนักข่าวไทย” ถึงกรณีที่ศาลปกครองสูงสุดตัดสินให้รัฐจ่ายค่าเสียหายให้กับเอกชนในโครงการโฮปเวลล์เป็นเงิน 1.2 หมื่นล้านบาทว่า โครงการนี้เริ่มตั้งแต่สมัยที่นายมนตรี พงษ์พานิช เป็นรัฐมนตรี ปี 2533 แต่โครงการไม่คืบ เมื่อตนมาเป็นรัฐมนตรีปี 2535-38 จึงเรียกนายกอร์ดอน วู ประธานบริษัทโฮปเวลล์ โฮลดิงส์ มาประชุมร่วมกับกระทรวงคมนาคม และการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ว่าจะทำโครงการต่อหรือไม่ ซึ่งโฮปเวลล์ยืนยันจะทำต่อ ก็ให้เดินหน้า เพราะอยากจะแก้ปัญหาการจราจร โครงการนี้จึงเริ่มดำเนินการจริงจังในสมัยที่ตนเป็นรัฐมนตรี แต่การดำเนินการก็เป็นไปอย่างล่าช้า เพราะช้ามาแล้ว 2 ปี บางส่วนรฟท.ก็เห็นด้วย บางส่วนก็ไม่เห็นด้วย ขณะเดียวกันทราบว่าโฮปเวลล์ก็มีปัญหาอุปสรรคเรื่องงบประมาณ ถือว่าไม่สมประกอบทั้งสองฝ่าย และเมื่อตนพ้นจากตำแหน่งก็ไม่ได้ติดตามในรายละเอียด ทราบจากสื่อว่ามีการยกเลิกโครงการไป 

พ.อ.วินัย กล่าวว่า มีข้อเสนอว่าขอให้ รฟท. นำสัญญาสัมปทานโฮปเวลล์มาตีแผ่ให้สาธารณชนได้รับทราบ จะได้ทราบว่ามีข้อบกพร่องอย่างไร และให้ทำไทม์ไลน์ตั้งแต่ปี 2533 ที่มีการทำสัญญาสัมปทาน จนถึงวันที่ตัดสิน เพื่อให้ทราบว่ารัฐบาลไหน ทำอะไร ไม่ทำอะไร และตอนยกเลิกให้เหตุผลว่าอย่างไร จนกระทั่งถึงคำสั่งศาลวานนี้ (22 เม.ย.) จากนั้นให้นำคำฟ้องของบริษัทโฮปเวลล์ที่ฟ้องเรียกค่าเสียหายและคำวินิจฉัยของอนุญาโตตุลาการ คำฟ้องของการรถไฟฯ ที่เรียกค่าเสียหาย  คำตัดสินของศาลปกครองกลางครั้งแรกที่ตัดสินว่าโฮปเวลล์แพ้ และสุดท้ายนำคำตัดสินของศาลปกครองสูงสุด มาเปรียบเทียบว่ามีการกลับคำตัดสินด้วยเหตุผลอะไร หากนำหลักฐานเหล่านี้ออกมาเปิดเผยให้สาธารณชนได้เปรียบเทียบ และเข้าใจ ตนมั่นใจว่าอีก 6 เดือนข้างหน้า ที่ต้องปฏิบัติตามคำสั่งศาลปกครองสูงสุดนั้น ทางรัฐบาลไทยน่าจะมีทางออกในเรื่องนี้


“กระทรวงคมนาคม  รฟท. น่าจะได้เห็นทางออก ทางหนีทีไล่ว่าจะทำแบบไหน อย่างไร ผมมีความเห็นว่าทั้ง รฟท. น่าจะมีความบกพร่องเป็นเหตุให้โฮปเวลล์ฟ้องร้อง และในขณะเดียวกันโฮปเวลล์ก็มีข้อบกพร่องที่ รฟท. ฟ้องได้เช่นกัน ดังนั้นน่าจะเอาทั้งหมดมาตีแผ่ให้สังคมได้เห็น ถ้ารู้ว่าใครโกง ใครผิด ก็ว่าไปตามนั้น ไม่ต้องเกรงใจใคร ไม่ต้องเกรงใจว่าลูบหน้า ปะจมูก ทำตรงไปตรงมา ใครผิดลงโทษตามผิด ถ้าเป็นอย่างนี้กรณีโฮปเวลล์ก็จะเป็น กรณีศึกษาให้กับสังคม ให้คนหลาบจำในการที่จะละเว้นการทำชั่วในโอกาสหน้า” พ.อ.วินัย กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีการตั้งข้อสังเกตของจุดกำเนินค่าโง่ดังกล่าวเป็นเพราะความหละหลวมของข้อสัญญาตามข้อสังเกตของทีดีอาร์ไอ หลังบอกเลิกสัญญา รฟท. ถือว่าโครงสร้างทุกอย่างเป็นกรรมสิทธิ์ และมีความพยายามนำโครงสร้างบางส่วนมาใช้ประโยชน์ในการก่อสร้างรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดงเข้ม ช่วงบางซื่อ-รังสิต แต่ บริษัทโฮปเวลล์ เห็นว่าการที่ รฟท. เข้ามาใช้ประโยชน์จากโครงการก่อสร้างเดิม ถือเป็นการยึดหรือเวนคืนระบบหรือพื้นที่สัมปทาน จึงเสนอข้อพิพาทต่อคณะอนุญาโตตุลาการ เรียกค่าเสียหายจากการยกเลิกสัญญาจาก กระทรวงคมนาคม และ รฟท. เป็นเงิน 59,000 ล้านบาท

คณะอนุญาโตตุลาการมีคำวินิจฉัยชี้ขาดในเดือน พ.ย. 2551 ว่าทั้งสองหน่วยงาน บอกเลิกสัญญาไม่เป็นไปตามขั้นตอน จึงเป็นการบอกเลิกสัญญาโดยไม่มีสิทธิโดยให้จ่ายเงินชดเชยแก่โฮปเวลล์ เป็นเงิน 11,889 ล้านบาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 หลังจากนั้นทั้งกระทรวงคมนาคม และ รฟท. ก็ดำเนินการฟ้องต่อศาลปกครองจนกระทั่งคดีถึงที่สุดในวันนี้ และรัฐต้องเป็นผู้จ่ายค่าเสียหายหรือที่เรียกว่าค่าโง่ดังกล่าว


ย้อนไทม์ไลน์ข้อพิพาทโฮปเวลล์

พ.ย. 2547 – โฮปเวลล์ ยื่นคำเสนอระงับข้อพิพาทต่อสถาบันอนุญาโตตุลาการ สำนักงานศาลยุติธรรม

พ.ย. 2551 – คณะอนุญาโตตุลาการมีคำวินิจฉัยชี้ขาด สั่งกระทรวงคมนาคม และ รฟท. ชดใช้ค่าเสียหาย

มี.ค. 2557 – ศาลปกครองกลาง มีคำพิพากษาให้เพิกถอนคำวินิจฉัยชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการ และระบุว่า การยื่นเรื่องให้อนุญาโตตุลาการเกินกรอบเวลา 60 วัน ที่กำหนดในสัญญาสัมปทาน

เม.ย. 2557 – โฮปเวลล์ ยื่นอุทธรณ์คำพิพากษา

เม.ย. 2562 – ศาลปกครองสูงสุดพิพากษากลับ ยกคำร้องสองหน่วยงานรัฐ ให้บังคับตามคำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการโดยให้ผู้ร้องทั้งสองปฏิบัติตามคำชี้ขาดให้แล้วเสร็จภายใน 180 วัน นับแต่วันที่คดีถึงที่สุด.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

“เหนือ-อีสาน-กลาง” อากาศเย็น ภาคใต้ฝนตกหนัก

กรมอุตุฯ รายงานภาคเหนือ อีสาน และภาคกลาง อากาศเย็นในตอนเช้า มีฝนเล็กน้อยบางแห่ง ส่วนภาคใต้ฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ระวังน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง