สธ.31 มี.ค.-จิตแพทย์ชี้หน้าร้อน สภาพอากาศมีผลให้อารมณ์หงุดหงิดเกิดความเครียดได้ง่ายกว่าปกติ แนะ‘ฝึกติดเบรก อารมณ์ -ดื่มน้ำเปล่า 2 ลิตรครึ่งต่อวัน-หลีกเลี่ยงดื่มเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของสารปรุงแต่ง ให้ความหวาน น้ำตาล แอลกอฮอล์ สารคาเฟอีน’
นพ.กิตต์กวี โพธิ์โน ผู้อำนวยการ รพ.จิตเวชนครราชสีมาราชนครินทร์ จ.นครราชสีมา ให้สัมภาษณ์ว่าในช่วงที่สภาพอากาศร้อนอบอ้าวขณะนี้ อาจมีผลให้ประชาชนไม่สบายตัว มีอารมณ์หงุดหงิด เกิดความเครียดได้ง่ายหรือโกรธง่ายกว่าปกติ ซึ่งมักจะเกิดเมื่อเราตกเป็นฝ่ายถูกกระทำ ที่พบได้บ่อยคือเหตุบนท้องถนนที่มีการจราจรคับคั่ง เช่น ขับรถปาดหน้ากันหรือ ถูกเอาเปรียบ หากไม่สามารถควบคุมได้อาจนำไปสู่ปัญหาต่าง ๆ ทั้งความสัมพันธ์ส่วนบุคคล ปัญหาที่ทำงาน ประสิทธิภาพการทำงานลดลง ความโกรธจะนำไปสู่การเพิ่มความเครียด
ในทำนองเดียวกันความเครียดก็มักทำให้มีความโกรธเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากขณะที่เกิดอารมณ์โกรธ ต่อมแอดรีนัลของร่างกาย จะขับสารคัดหลั่งชื่อแอดรีนาลิน ออกมาสู่กระแสโลหิต สารนี้จะไปกระตุ้นระบบประสาทอัตโนมัติ ทำให้หัวใจเต้นเร็วขึ้น ความดันโลหิตเพิ่มขึ้น หากเกิดในผู้เป็นโรคความดันโลหิตสูงอยู่เดิม อาจเพิ่มความเสี่ยงอันตราย อาจทำให้เส้นเลือดในสมองตีบหรือแตกได้
นพ.กิตต์กวี กล่าวว่าในการดำเนินชีวิตให้สุขสบายท่ามกลางสภาพอากาศร้อน มีข้อแนะนำให้ประชาชนปฏิบัติ 3 ประการ ประการแรก คือ ควรฝึกการติดเบรก , ควบคุมอารมณ์ และจัดการกับความโกรธของตัวเองให้ได้ โดยใช้วิธีฝึกการถามใจตัวเอง 4 ข้อคือ 1.เรื่องที่โกรธอยู่นี้สำคัญต่อตัวเราเองมากน้อยแค่ไหน 2.ถ้าเราตอบโต้อะไรลงไปทันทีตามความโกรธ จะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต 3.ลองถามตัวเองว่า เราเคยทำสิ่งเดียวกับที่คนอื่นทำกับเราในวันนี้หรือไม่ และ4.ให้ลองคิดแบบมีเหตุมีผลว่าเขาอาจมีความจำเป็นจึงทำเช่นนั้น การถามใจตัวเองนี้จะช่วยประวิงเวลาให้เราได้ทบทวนตัวเอง ทำให้ใจเย็นลง ตั้งสติได้ ไม่หุนหันพลันแล่น และมองเห็นปัญหานั้นเล็กลง ผลลัพธ์สุดท้ายที่ได้จากการถามใจตัวเอง ก็คือการให้อภัย การปล่อยวาง จะทำให้ทุกอย่างผ่านไปด้วยดี
ประการที่ 2 ดื่มน้ำเปล่าสะอาดให้เพียงพอ คือวันละประมาณ 2,500 ซี.ซี.หรือ 2 ลิตรครึ่ง การดื่มน้ำจะเป็นการเติมน้ำหรือให้อาหารแก่สมอง เนื่องจากสมองคนเราจะมีน้ำเป็นส่วนประกอบถึงร้อยละ80 หากขาดน้ำเพียงเล็กน้อยก็สามารถทำให้ระดับฮอร์โมนที่กระตุ้นให้เกิดความเครียดเพิ่มสูงขึ้น มีผลต่อการทำงานของอวัยวะภายในผิดปกติ และในระยะยาวอาจทำให้สมองถูกทำลายได้
ประการที่ 3 หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของสารปรุงแต่ง เช่น สารให้ความหวาน น้ำตาล แอลกอฮอล์และสารคาเฟอีน จะถือว่าดีที่สุด มีผลดีต่อการทำงานของสมอง สมองเกิดการผ่อนคลาย เกิดสมาธิดียิ่งขึ้น และจิตใจสบายขึ้น .-สำนักข่าวไทย