กรุงเทพฯ 10 ม.ค. – สมอ.ห่วงประชาชนภาคใต้ได้วัสดุก่อสร้างไม่ดีไปซ่อมบ้านที่พังหลังพายุปาบึกถล่ม สั่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ตรวจเข้มสัปดาห์หน้า เน้นย้ำต้องมีคุณภาพตามมาตรฐาน มอก. พร้อมเตือนผู้ทำผู้ค้า หากพบมีการนำสินค้าที่ ไม่ได้มาตรฐาน มอก.มาขายจะเอาผิดไม่ละเว้น
นายวันชัย พนมชัย เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) เปิดเผยว่า ผลจากพายุโซนร้อนปาบึกสร้างความเสียหายบ้านเรือนจำนวนมากและประชาชนมีความจำเป็นต้องซื้อวัสดุก่อสร้างต่าง ๆ มาใช้ในการซ่อมแซมบ้านนั้น ทาง สมอ.มีความห่วงใยประชาชนไปซื้อสินค้าวัสดุก่อสร้างแล้วอาจไม่ได้คุณภาพจนเกิดความเสียหายภายหลัง ซึ่งถือเป็นการซ้ำเติมประชาชน ล่าสุดเพื่อป้องกันปัญหาดังกล่าวจึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ สมอ.เตรียมลงพื้นที่ตรวจควบคุมและกำกับติดตามคุณภาพผลิตภัณฑ์โดยเฉพาะกลุ่มวัสดุก่อสร้างที่จำหน่ายในร้านขายวัสดุก่อสร้างต่าง ๆ ให้มีคุณภาพตามมาตรฐานที่ สมอ.กำหนดเท่านั้น โดยเฉพาะจังหวัดที่ได้รับผลกระทบจากพายุโซนร้อนปาบึก เช่น นครศรีธรรมราช และจังหวัดอื่น ๆ
ทั้งนี้ เพื่อให้ประชาชนมั่นใจได้ว่าซื้อวัสดุก่อสร้างไปซ่อมแซมบ้านเรือนได้ของมีคุณภาพมาตรฐาน มอก.ไปใช้จริง คุ้มค่าเงินที่จ่ายไป ปัจจุบัน สมอ.กำหนดผลิตภัณฑ์ต้องเป็นไปตามมาตรฐานบังคับ 109 รายการ สำหรับผลจากการลงพื้นที่ตรวจสอบปีที่ผ่านมาในส่วนของภาคใต้พบปัญหาเรื่องเหล็กเบาหรือเหล็กไม่ได้คุณภาพน้อยกว่าภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่ง สมอ.ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบเข้มเป็นประจำอยู่แล้ว
นายวันชัย กล่าวว่า ปีนี้มีแผนการตรวจติดตามโรงงานผู้ผลิตและร้านจำหน่ายต่อเนื่อง เน้นกลุ่มสินค้าที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน เช่น เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ปลั๊กพ่วง สายไฟ ของเล่น หมวกกันน็อก เป็นต้น ล่าสุด สมอ.ได้ออกตรวจผู้ทำ ผู้นำเข้าปลั๊กพ่วงรวม 30 ราย พบสินค้าที่ สมอ.สงสัยว่าอาจมีคุณภาพไม่ได้ตามมาตรฐานบังคับของ สมอ.ที่จัดทำขึ้นใหม่ มูลค่ารวมกว่า 10 ล้านบาท ขณะนี้ส่งตรวจสอบคุณภาพจะทราบผลว่ามีคุณภาพเป็นไปตามมาตรฐานบังคับหรือไม่ภายในเดือนนี้ หากพบว่าไม่ได้คุณภาพจะเอาผิดตามกฎหมายต่อไป เพราะที่ผ่านมาให้เวลาผู้ทำ ผู้นำเข้าปรับตัวและมีระยะเวลาระบายสตอกสินค้าเดิม สินค้าที่ตรวจพบครั้งนี้หากอ้างว่าผลิตไว้นานแล้ว ยังขายไม่หมดก็จะต้องตรวจสอบเอกสารต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องดูก็จะทราบได้ว่า มีการผลิตเมื่อใด
นายวันชัย กล่าวถึงภาพรวมการลงพื้นที่ตรวจควบคุมและกำกับติดตามคุณภาพผลิตภัณฑ์ให้เป็นไปตามมาตรฐานที่ สมอ.กำหนดปีที่ผ่านมา พบสินค้าคุณภาพไม่เป็นไปตามมาตรฐานผลิตภัณฑ์ของ สมอ.จึงยึดอายัดมูลค่ารวมกว่า 2,150 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นเหล็ก ตรวจพบมากที่สุด มูลค่า 2,084.45 ล้านบาท ผลิตภัณฑ์ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ มูลค่า 65.01 ล้านบาท โภคภัณฑ์ 4.16 ล้านบาท อาหาร 3.11 ล้านบาท ปิโตรเคมีและโพลิเมอร์ 2.47 ล้านบาท เป็นต้น
นายวันชัย กล่าวว่า ผู้ทำและผู้นำเข้าผลิตภัณฑ์ 109 รายการ ที่ มอก.บังคับต้องได้รับอนุญาตจาก สมอ. ก่อนทำและนำเข้า ขณะเดียวกันผู้จำหน่ายก็ต้องจำหน่ายสินค้าที่มีเครื่องหมาย มอก.เท่านั้น หากพบว่ามีผู้ทำผิดจะถูกดำเนินคดีตามกฎหมายทันที โดยกรณีทำหรือนำเข้า โดยไม่ได้รับใบอนุญาตมีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 1 ล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ร้านค้าที่จำหน่ายผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมที่ไม่เป็นไปตามมาตรฐาน มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับตั้งแต่ 5,000 – 50,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และแสดงเครื่องหมาย มอก. โดยไม่ได้รับอนุญาต มีโทษจำคุก 3 เดือน ปรับตั้งแต่ 100,000 – 1 ล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ.-สำนักข่าวไทย