สธ.-ศธ. MOU ยุติวัณโรคในประเทศไทย

สธ.10พ.ค.-ก.สาธารณสุข-ศึกษาฯลงนามร่วมยุติวัณโรคและวัณโรคดื้อยา ทำฐานข้อมูลผู้ป่วย ตั้งศูนย์ความเป็นเลิศวัณโรคระดับนานาชาติ เพื่อพัฒนาเครือข่ายบริการในโรงพยาบาล  วิจัยพัฒนาเทคโนโลยีในการรักษาวัณโรค


นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.)และ นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ร่วมลงนามบันทึกความร่วมมือทางวิชาการเพื่อเร่งรัดยุติวัณโรคและวัณโรคดื้อยาของประเทศไทย โดยสาระสำคัญของบันทึกความร่วมมือครั้งนี้ประกอบด้วย 6 เรื่อง ได้แก่ 1.การจัดทำฐานข้อมูลผู้ป่วยวัณโรคและวัณโรคดื้อยา 2.ร่วมกันจัดอบรมบุคลากรที่เกี่ยวข้องในงานวัณโรคทั้งในและต่างประเทศ 3.พัฒนาและจัดตั้งศูนย์ความเป็นเลิศทางห้องปฏิบัติการวัณโรคในระดับนานาชาติ เช่นประเทศในกลุ่มลุ่มน้ำโขง 4.พัฒนาเครือข่ายการจัดบริการตรวจคัดกรองวินิจฉัยดูแลรักษาผู้ป่วยวัณโรคและวัณโรคดื้อยารวมทั้งการป้องกันการแพร่กระจายเชื้อในโรงพยาบาล 5.สนับสนุนการค้นหาวินิจฉัยและดูแลรักษาผู้ป่วยในชุมชนสู่การยุติปัญหาวัณโรค 6.ร่วม มือทางการวิจัยพัฒนาเทคโนโลยีนวัตกรรมการป้องกันค้นหาวินิจฉัยรวมถึงดูแลรักษาผู้ป่วยวัณโรคและวัณโรคดื้อยา 


รมว.สาธารณสุข กล่าวว่า ประเทศไทยมีนโยบายเข้มแข็งโดยเฉพาะการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในการเร่งรัดการลดอุบัติการณ์วัณโรคตามยุทธศาสตร์ยุติวัณโรคขององค์การอนามัยโลกและเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติ ซึ่งคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบแผนปฏิบัติการระดับชาติด้านการต่อต้านวัณโรค พ.ศ 2560-2564 ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขต้องใช้ความร่วมมือและความเป็นเจ้าของร่วมกันจากทุกภาคส่วนในการยุติปัญหานี้ ซึ่งทั้ง 2 กระทรวงจะบูรณาการทำงานร่วมกันโดยกรมควบคุมโรคจะเป็นหน่วยงานศูนย์กลางขับเคลื่อนยุทธศาสตร์สู่เป้าหมายยุติวัณโรคของประเทศไทย 


ด้าน รมว.ศึกษาฯ กล่าวว่า ความร่วมมือครั้งนี้มีระยะเวลาดำเนินการ 4 ปีเริ่มตั้งแต่ พ.ศ.2561-2564 โดยคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาลมหาวิทยาลัยมหิดลจะเป็นหน่วยงานหลักในการผลิตบัณฑิตวิจัยพัฒนาและส่งเสริมเป็นศูนย์กลางในการบริการทางวิชาการด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีและวิชาการชั้นสูง เพื่อพัฒนาเครือข่ายห้องปฏิบัติการให้มีความรุดหน้าสามารถยุติ วัณโรคในประเทศไทย ซึ่งขณะนี้ยังคงเป็นปัญหาอันดับต้น ๆ โดยเฉพาะในโรงเรียนต่างๆที่วัณโรคในเด็กยังเป็นโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวังโดยกระทรวงศึกษาธิการ จะเข้ามาช่วยเสริมศักยภาพบุคลากรและใช้องค์ความรู้ขับเคลื่อนการดำเนินงานให้ลุล่วง

ขณะที่ นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวถึงสถานการณ์วัณโรคในประเทศไทย  ว่า  วัณโรค ยังเป็นโรคติดต่อสำคัญที่ท้าทายระบบสาธารณสุขของไทยและประเทศไทยเป็น1ใน 14 ประเทศที่มีปัญหาวัณโรครุนแรง มีผู้ป่วยวัณโรค120,000 คนต่อปี เสียชีวิต 8,600 คน ตามสถิติเมื่อปี 2015 มีผู้ป่วยวัณโรค171คนต่อประชากร1แสนคน คิดเป็นคนไทย1ใน3 มีเชื้อวัณโรค ซึ่งเป้าหมายในการร่วมมือดำเนินการเร่งรัดยุติวัณโรคในประเทศไทย ในปี 2035 ให้เหลือผู้ป่วย 10 คนต่อประชากร 1 แสนคน หรือให้มีผู้ป่วยวัณโรคน้อยที่สุดและหมดไปจากประเทศไทย .-สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

นร.หญิง ม.1 จมทะเลดับ หลังโรงเรียนพาไปทัศนศึกษาที่ระยอง

โรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่งใน จ.นครราชสีมา พานักเรียนไปทัศนศึกษาที่ จ.ระยอง นักเรียนหญิง ม.1 ถูกคลื่นดูดลงทะเลขณะเล่นน้ำ เสียชีวิต พ่อแม่สุดเศร้าสูญเสียลูกสาวคนเดียวของครอบครัว

น้ำท่วมเชียงใหม่

เชียงใหม่จมบาดาล น้ำท่วมครั้งประวัติศาสตร์

น้ำท่วมในตัวเมืองเชียงใหม่ ยังวิกฤติ หลังน้ำในลำน้ำปิงขึ้นสูงสุดทรงตัวสูงกว่า 5.30 เมตร ซึ่งสูงที่สุดตั้งแต่มีการวัดระดับน้ำปิง

น้ำท่วมขนส่งเชียงใหม่กระทบผู้โดยสาร เปิดจุดจอดรับ-ส่งชั่วคราว

น้ำขยายวงกว้างเข้าท่วมสถานีขนส่งเชียงใหม่แห่งที่ 2 และ 3 เต็มพื้นที่ ระดับน้ำสูงเกือบ 50 ซม. ผู้ประกอบการขนส่งต้องนำรถทัวร์โดยสารออกมาจอดรับ-ส่งบนถนนซุปเปอร์ไฮเวย์ ยืนยันผู้ประกอบการยังให้บริการตามปกติ

ระทึก! แท็กซี่พลิกคว่ำเกิดเพลิงไหม้ 5 ชีวิตรอดหวุดหวิด

รถแท็กซี่พลิกคว่ำและเกิดเพลิงลุกไหม้กลางถนนพระราม 9 ผู้โดยสารหญิงสติดีถีบประตูช่วยตัวเองและคนอื่นออกมาจากตัวรถรวม 5 ชีวิตได้ทัน แต่ในจำนวนนี้บาดเจ็บสาหัส 1 คน เป็นคนขับแท็กซี่ ตำรวจเร่งสอบสวนหาสาเหตุ

ข่าวแนะนำ

กต.ย้ำมีแผนพร้อมอพยพคนไทยในอิสราเอล-เลบานอน

กต.ประชุมประเมินสถานการณ์อิสราเอล-ฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอน ย้ำมีแผนอพยพพร้อม เผย 5 แรงงานไทยเตรียมเดินทางกลับ แนะประชาชนตัดสินใจก่อนน่านฟ้าปิด

เตรียมตั้ง 7 เตาไฟฟ้า พิธีพระราชทานเพลิงศพ นร.-ครู 23 คน

เตรียมพื้นที่ตั้ง 7 เตาไฟฟ้า กลางสนามโรงเรียนวัดเขาพระยาสังฆาราม จ.อุทัยธานี ในพิธีพระราชทานเพลิงศพ นักเรียน-ครู 23 คน เหยื่อไฟไหม้รถบัสทัศนศึกษา วันที่ 8 ต.ค.นี้

เชียงใหม่ยังอ่วม เจอน้ำท่วมครั้งประวัติศาสตร์

แม้ระดับน้ำปิงที่ทะลักท่วมตัวเมืองเชียงใหม่เริ่มลดลง จากที่เคยขึ้นสูงสุดถึง 5.30 เมตร ซึ่งถือว่าสูงที่สุดเท่าที่เคยวัดระดับมา จนทำให้เชียงใหม่เผชิญกับน้ำท่วมครั้งใหญ่สุดเป็นประวัติการณ์ บ้านเรือนหลายพันหลังและย่านการค้ายังจมน้ำ บางจุดยังท่วมสูงกว่า 2 เมตร ยังต้องเร่งอพยพผู้คนออกจากพื้นที่น้ำท่วม หลายคนต้องใช้ชีวิตอยู่ในรถที่จอดบนสะพาน

ภาคกลางเริ่มกระทบ น้ำเจ้าพระยาเอ่อท่วมบ้านประชาชน

น้ำเจ้าพระยาล้นข้ามถนนเข้าท่วมบ้านกว่า 30 หลังคาเรือน ต.ชีน้ำร้าย อ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี ส่วนชุมชุนริมท่าน้ำปากเกร็ด เริ่มกระทบ