กรุงเทพฯ 29 ก.ย. – ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย คาดช่วงเทศกาลกินเจปีนี้จะมีเงินสะพัดจากการใช้จ่ายตลอดเทศกาลสูงถึง 43,981 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 4.2 สูงสุดในรอบ 3 ปี หลังประชาชนเริ่มมั่นใจเศรษฐกิจมีสัญญาณการฟื้นตัว
นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการ ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวถึงผลการสำรวจพฤติกรรมการใช้จ่ายในช่วงเทศกาลกินเจ จาก 1,206 ตัวอย่างทั่วประเทศ พบว่า ประชาชนร้อยละ 35.5 ตั้งใจจะกินเจในช่วงเทศกาล เพิ่มขึ้นจากปี 2558 ที่จะกินเจประมาณร้อยละ 31.3 ส่วนที่เหลือไม่กินเจ เนื่องจากไม่มีเชื้อสายจีน ซึ่งส่วนใหญ่ร้อยละ 88 จะกินตลอดเทศกาล รวม 9 วัน ตั้งแต่วันที่ 1 – 9 ตุลาคม 2559 โดยมีการใช้จ่ายในการซื้ออาหารเจเพิ่มขึ้น แม้ราคาสินค้าจะสูงกว่าจากช่วงปกติ แต่พร้อมที่จะใช้จ่าย เพื่อความเป็นสิริมงคลและใช้จ่ายจากการทำบุญเพิ่มขึ้นเช่นกัน ส่วนการเดินทางไปทำบุญต่างจังหวัดและค่าที่พักยังคงใช้เท่าเดิม ทำให้โดยรวมจะมีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยตลอดเทศกาลคนละ 9,700 บาท หรือจะมีเงินสะพัดจากการใช้จ่ายสูงถึง 43,981 ล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 4.2 สูงสุดในรอบ 3 ปี
อย่างไรก็ตาม ถือเป็นสัญญาณที่ประชาชนเริ่มมั่นใจต่อภาวะเศรษฐกิจที่ค่อย ๆ ฟื้นตัว หลังจากประชาชน นิยมกลับมาทานเจเพิ่มขึ้น แม้ราคาสินค้าจะแพง แต่อยู่ในระดับที่รับได้ และพร้อมที่จ่าย เพื่อต้องการเสริมสิริมงคลให้ชีวิตดีขึ้น และเป็นไปตามเทรนการรักษาสุขภาพ หรือเป็นการล้างสารพิษไปในตัว และเริ่มมั่นใจต่อเศรฐกิจไทยจึงกล้าที่จะกลับมาจับจ่ายใช้สอย แม้ว่าราคาอาหารเจในปีนี้จะแพงขึ้นเมื่อเที่ยบกับช่วงเจปีที่ผ่านมา แต่ทุกคนเข้าใจภาวะต้นทุนและยอมที่จะซื้ออาหารเจที่แพงขึ้นบ้าง รวมทั้งการที่เศรษฐกิจไทยโดยรวมมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยปีละเกินร้อยละ 3 ซึ่งปีนี้คาดว่าจะเติบโตถึงร้อยละ 4.2 จึงเป็นแรงหนุนสำคัญทำให้มีความมั่นใจต่อเศรษฐกิจไทยยิ่งขึ้น.-สำนักข่าวไทย