ดัชนีเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน ก.ย. ต่ำสุดใน 14 เดือน

กรุงเทพฯ 10 ต.ค.-ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน ก.ย.67 ปรับตัวลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 7 และอยู่ระดับต่ำสุดในรอบ 14 เดือน กังวลภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวและสถานการณ์น้ำท่วม ขณะที่เงินหมื่นยังไม่ได้กระตุ้นเศรษฐกิจเท่าที่ตั้งเป้าหมาย


นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ กล่าวถึงผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคประจำเดือนกันยายน 2567 ซึ่งพบว่าดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคปรับตัวลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 7 และอยู่ในระดับต่ำสุดในรอบ 14 เดือน นับตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2566 เป็นต้นมา เนื่องจากผู้บริโภคมีความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจไทยที่ยังคงชะลอตัวลงและฟื้นตัวช้า และความกังวลต่อสถานการณ์น้ำท่วมที่เกิดขึ้นในหลายจังหวัดโดยเฉพาะในภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ที่สร้างความเสียหายต่อทรัพย์สินของประชาชน รวมถึงผลผลิตทางการเกษตร ประกอบกับราคาพลังงานปรับตัวสูงขึ้น และผู้บริโภคยังคงกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์เศรษฐกิจโลกชะลอตัว สงครามในตะวันออกกลางและสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครนที่ยังคงยืดเยื้ออาจเป็นปัจจัยที่เพิ่มแรงกดดันของการฟื้นตัวล่าช้าของเศรษฐกิจไทย แม้ว่าในเดือนนี้จะมีการแจกเงินให้กับกลุ่มเปราะบางคนละ 10,000 บาท ตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลก็ตาม

ทั้งนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจโดยรวม ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับโอกาสหางานทำโดยรวม และดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคตอยู่ที่ระดับ 48.8 52.7 และ 64.4 ตามลำดับ ปรับตัวลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 7 เมื่อเทียบกับดัชนีในเดือนสิงหาคม ที่อยู่ในระดับ 50.2 53.9 และ 65.6 ตามลำดับ การที่ดัชนียังอยู่ในระดับต่ำกว่าปกติ (ที่ระดับ 100) แสดงว่า ผู้บริโภคยังไม่มีความมั่นใจเกี่ยวกับสถานการณ์ทางเศรษฐกิจ โอกาสในการหางานทำ และรายได้ในอนาคต เพราะมีความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองในประเทศ ราคาพลังงานและค่าครองชีพที่ยังทรงตัวอยู่ในระดับสูง ตลอดจนปัญหาเศรษฐกิจโลกที่มีความเสี่ยงเข้าสู่ภาวะชะลอตัวลง ซึ่งจะส่งผลกระทบให้เศรษฐกิจไทยและการจ้างงานมีโอกาสฟื้นตัวได้ช้าในอนาคต ซึ่งจะทำให้รายได้ในอนาคตของผู้บริโภคมีความไม่แน่นอนสูง


ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคของผู้บริโภค (Consumer Confidence Index: CCI) ปรับตัวลดลงจากระดับ 56.5 เป็น 55.3 เป็นการปรับตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 7 และอยู่ในระดับต่ำสุดในรอบ 17 เดือนนับตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2566 เป็นต้นมา การที่ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคโดยรวมยังคงเคลื่อนไหวคงอยู่ต่ำกว่าระดับ 100 แสดงให้เห็นว่า ผู้บริโภคยังคงเห็นว่าสถานการณ์เศรษฐกิจโดยรวมยังคงฟื้นตัวช้าและค่าครองชีพสูง ตลอดจนสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน กับอิสราเอลกับฮามาสในฉนวนกาซาที่ยังคงยืดเยื้อ ส่งผลกระทบทางจิตวิทยาในเชิงลบต่อกำลังซื้อภายในประเทศ ภาคการท่องเที่ยว ภาคการส่งออก ธุรกิจโดยทั่วไป และการจ้างงานในอนาคต โดยยังคงมีโอกาสบั่นทอนความเชื่อมั่นของผู้บริโภคทั้งในปัจจุบันและในอนาคตได้อย่างต่อเนื่องในระยะอันใกล้นี้

ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในปัจจุบันปรับตัวลดลงจากระดับ 40.4 เป็น 39.0 ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นในอนาคตปรับตัวลดลงจากระดับ 64.3 มาอยู่ที่ระดับ 63.1 การที่ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคกลับมาปรับตัวลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 7 ทุกรายการ แสดงว่า ผู้บริโภคยังไม่แน่ใจว่าเศรษฐกิจจะกลับมาฟื้นตัวดีขึ้นได้อย่างรวดเร็วหรือไม่ แม้ว่าจะมีมาตรการแจกเงินคนละ 10,000 บาท ออกมาแล้วก็ตาม

ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยประเมินสถานการณ์อุทกภัยปี 2567 ว่าจะส่งผลให้เกิดความเสียหายทางเศรษฐกิจมูลค่าประมาณ 36,929 ล้านบาท โดยมีสมมติฐานว่า สถานการณ์น้ำท่วมจมจะคลี่คลายภายใน 15 วัน จากการวิเคราะห์ พบว่า ภาคการเกษตรได้รับผลกระทบมากที่สุด โดยมีมูลค่าความเสียหายสูงถึง 27,434 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 74.3% ของความเสียหายทั้งหมด


ส่วนผลวิเคราะห์ความเสียหายแยกตามภาคเศรษฐกิจมี ดังนี้

  • ภาคการเกษตร 27,434 ล้านบาท
  • ภาคบริการ 9,209 ล้านบาท
  • ภาคอุตสาหกรรม 287 ล้านบาท

มูลค่าความเสียหายจากอุทกภัยปี 2567 คิดเป็นประมาณ 0.21% ของ GDP ของประเทศไทย จังหวัดที่ได้รับความเสียหายมากที่สุดคือ เชียงราย โดยมีมูลค่าความเสียหายรวม 6,412 ล้านบาท รองลงมาคือ เชียงใหม่ 4,232 ล้านบาท และพะเยา 3,292 ล้านบาท

นายธนวรรธน์ กล่าวถึงแนวทางการดำเนินการในการแก้ไขปัญหาดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคลดลงจนต่ำสุดในรอบ 14 เดือนว่า มีดังนี้

  • รักษาเสถียรภาพของค่าเงินบาทให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมต่อภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน
  • ช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างเร่งด่วน
  • บริหารจัดการน้ำในช่วงไตรมาสที่ 4 เพื่อไม่ให้สถานการณ์น้ำท่วมขยายวงกว้างขึ้น
  • เร่งดำเนินนโยบายต่างๆ ในการกระตุ้นเศรฐกิจโดยการเพิ่มกำลังซื้อให้กับประชาชน การส่งเสริมการท่องเที่ยวทั่วไทยในช่วงปลายปี
  • การส่งเสริมการลงทุนของผู้ประกอบการภาคเอกชนให้ครอบคลุมรอบด้าน เช่น มาตรการทางภาษีเพื่อดึงดูดการลงทุนจากในประเทศ และต่างชาติ
  • ดำเนินมาตรการควบคุมตลาดขายสินค้าออนไลน์ และปริมาณของสินค้าจีนที่เข้ามามากขึ้นอย่างต่อเนื่อง. -512 – สำนักข่าวไทย
ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ฆ่าควักหัวใจ

รวบชายชาวจีนฆ่าโหดคู่ขา กรีดหน้าอก ควักหัวใจ-ปอด

ตำรวจรวบชายชาวจีน ก่อเหตุสะเทือนขวัญฆ่าขู่ขาหมกห้องน้ำอพาร์ตเมนต์ กลางเมืองพัทยา พบร่องรอยถูกกรีดหน้าอก ควักหัวใจ ปอดหายไปข้างหนึ่ง

อุทาหรณ์! จอดรถยนต์ติดเครื่องไว้ เจอขโมยขับหนีหาย

อากาศร้อนเป็นเหตุ หนุ่มสตาร์ทเครื่องเปิดแอร์รถยนต์จอดไว้ ก่อนลงไปซื้อของ เดินออกมาอีกที เจอคนขโมยรถ ขับหนีหายไปแล้ว

ดับแล้ว 8 ราย รถชนบนมอเตอร์เวย์ อัดก๊อปปี้พังยับ

เกิดอุบัติเหตุใหญ่ช่วงกลางดึก บนมอเตอร์เวย์ สาย 7 มุ่งหน้าชลบุรี รถเทรลเลอร์ 2 คัน กับเอสยูวีอีก 1 คัน คนในรถเอสยูวี เสียชีวิต 8 ราย

ข่าวแนะนำ

ญาติเศร้ารับร่าง ตร.เสียชีวิตจากเครื่องบินเล็กตกทะเลชะอำ

ตั้งแถวรับร่างอย่างสมเกียรติ 2 ตำรวจเสียชีวิตจากเหตุเครื่องบินเล็กตกทะเลชะอำ ตั้งบำเพ็ญกุศลที่บ้านเกิด จ.ลำปาง และราชบุรี ท่ามกลางความโศกเศร้าของครอบครัว ด้านพ่อของ “ร.ต.อ.จตุรงค์” เผยลางบอกเหตุก่อนเครื่องบินตก ลูกมาขอนอนค้างที่บ้าน รู้ข่าวแทบช็อก

“กล้าธรรม” ขอบคุณคะแนนเสียงชาวนครฯ ลั่นพร้อมพัฒนาแก้ปัญหาให้คนใต้

หัวหน้าพรรคกล้าธรรม ขอบคุณทุกคะแนนเสียงของชาวนครฯ เขต 8 ที่ให้โอกาสพรรคกล้าธรรม เข้ามารับใช้ ลั่นพร้อมช่วย “บิ๊กโอ” พัฒนาแก้ปัญหาให้คนใต้ เพราะเราคือครอบครัวเดียวกัน

“บิ๊กโอ” กล้าธรรม นำโด่งเลือกตั้งซ่อม สส.นครศรีฯ เขต 8

“บิ๊กโอ” ผู้สมัครจากพรรคกล้าธรรม นำโด่งทิ้งห่าง “ไสว” จากภูมิใจไทย แล้วกว่าหมื่นคะแนน ในการเลือกตั้งซ่อม สส.นครศรีธรรมราช เขต 8

ตำรวจได้เบาะแสสำคัญโจรชิงทอง กลางห้างฯ อุดรธานี

วงจรปิดเผยคนร้ายใช้เวลาไม่ถึง 30 วินาที ก่อเหตุชิงทองมูลค่ากว่าล้านบาท กลางห้างฯ จ.อุดรธานี ล่าสุดตำรวจได้เบาะแสสำคัญ ทั้งเส้นทางหลบหนี รวมถึงพาหนะที่คนร้ายใช้ก่อเหตุแล้ว