คลังเผยบริโภคภาคเอกชนขยายตัวต่อเนื่อง

ก.คลัง  16 มี.ค. – คลังเผยภาพรวมเศรษฐกิจไทยด้านการบริโภคภาคเอกชนยังคงขยายตัวต่อเนื่อง ไตรมาส 4 ปี 60 ขยายตัวเร่งขึ้นร้อยละ 3.5 สินค้าอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ขยายตัวร้อยละ 2.2 


ตามที่มีข่าวว่ากำลังซื้อทรุดหนักสุดรอบ 10 ปี โดยตลาดสินค้าอุปโภคบริโภคตกต่ำมาโดยตลอด ในปี 2560 หดตัวร้อยละ 0.4 สินค้าที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด คือ กลุ่มสินค้าอาหารและเครื่องดื่มที่หดตัว ร้อยละ 2.4 จากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว รายได้ผู้บริโภคคงที่ ขณะที่หนี้ครัวเรือนปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นนั้น  นายพรชัย ฐีระเวช ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการเงิน สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ในฐานะโฆษก ชี้แจงว่า ข้อมูลที่ปรากฏเป็นการอ้างอิงผลการศึกษาของบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง ซึ่งสะท้อนความคิดเห็นของผู้บริโภคบางกลุ่มที่อาจไม่ครอบคลุมทุกภาคส่วนในระบบเศรษฐกิจ 

ทั้งนี้ จากข้อมูลผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) พบว่า การบริโภคภาคเอกชนภาพรวมขยายตัวเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จากปี 2557 ที่ขยายตัวร้อยละ 0.8 มาสู่ปี 2560 ที่ขยายตัวร้อยละ 3.2 โดยไตรมาส 4 ปี 2560 พบว่า การบริโภคภาคเอกชนขยายตัวอย่างต่อเนื่องร้อยละ 3.5 โดยประเภทสินค้าที่มีการขยายตัวได้ดี ได้แก่ อาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ขยายตัวที่ร้อยละ 2.2 แบ่งเป็นการบริโภคอาหารขยายตัวที่ร้อยละ 1.8 และการบริโภคเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ขยายตัวที่ร้อยละ 4.2 สัญญาณการขยายตัวดังกล่าวยังสอดคล้องกับการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากการใช้จ่ายภายในประเทศไตรมาส 4 ปี 2560 ที่ขยายตัวร้อยละ 4.1 และข้อมูลการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตเครื่องดื่ม หักชาและกาแฟ เดือนตุลาคม 2560 – กุมภาพันธ์ 2561 จัดเก็บได้ 7,969 ล้านบาท สูงกว่าปีที่แล้ว 1,236 ล้านบาท หรือร้อยละ 18.36 อย่างไรก็ตาม  จากแนวโน้มการใส่ใจสุขภาพของคนในปัจจุบันอาจส่งผลกระทบต่อการบริโภคสินค้า โดยเฉพาะเครื่องดื่มที่มีปริมาณน้ำตาลสูง


นอกจากนี้ การที่ผู้มีรายได้น้อยใช้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐไปซื้อสินค้าจากร้านธงฟ้าประชารัฐ และร้านอื่นในโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ น่าจะส่งผลให้การบริโภคผ่านช่องทางปกติอย่างซูเปอร์มาร์เก็ตและร้านสะดวกซื้อลดลง โดยจากข้อมูลเบื้องต้นของกรมบัญชีกลาง พบว่า ผู้มีรายได้น้อยใช้บัตรสวัสดิการไปซื้อสินค้าจากร้านธงฟ้าประชารัฐ ตั้งแต่เริ่มต้นโครงการเมื่อเดือนตุลาคม 2560 – มกราคม 2561 มูลค่ารวม 20,665 ล้านบาท

นายพรชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า ภาวะเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่องในระยะ 4 ปีที่ผ่านมา สะท้อนจากเศรษฐกิจปี 2560 ขยายตัวร้อยละ 3.9 โดยปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องและสูงสุดในรอบ 5 ปี  เงินเฟ้อปัจจุบันยังคงอยู่ในระดับต่ำ สะท้อนจากอัตราเงินเฟ้อทั่วไปปี 2560 อยู่ที่ร้อยละ 0.7 ต่อปี  โดยเป็นระดับต่ำกว่าร้อยละ 1.0 ต่อเนื่อง 3 ปีติดต่อกัน และหนี้ภาคครัวเรือนมีแนวโน้มลดลง สะท้อนจากระดับหนี้ครัวเรือนต่อ จีดีพีลดลงต่อเนื่อง 7 ไตรมาสติดต่อกัน ล่าสุดไตรมาส 3 ปี 2560 อยู่ที่ร้อยละ 77.35 ของจีดีพี.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง