ผู้ว่าการ ธปท. ยืนยันเศรษฐกิจฟื้นตัวชัดเจน

ธปท. 2 ต.ค. – ผู้ว่าการธปท.  ยืนยันเศรษฐกิจฟื้นตัวชัดเจน
เห็นการจ้างงานเพิ่มในภาคส่งออก ยังจับตานโยบายการเงินสหรัฐและความตึงเครียดเกาหลี
กดดันเงินทุนไหลเข้า


 

นายวิรไท สันติประภพ
ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า การที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน
(กนง. ) ปรับอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย ( จีดีพี) ปีนี้ เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ
3.8 จากร้อยละ 3.5 และ ปรับจีดีพีปี 2561 เพิ่มเป็นโตร้อยละ 3.8 จากร้อยละ 3.7 สะท้อนถึงแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ชัดเจนมากขึ้นโดยเฉพาะภาคการส่งออก
ที่ขยายตัวทุกหมวดสินค้าและในตลาดที่หลากหลายมากขึ้น ขณะที่การท่องเที่ยวปรับตัวดี
ส่งผลให้มีการจ้างงานเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะในอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับการส่งออก
ประกอบกับการบริโภคฟื้นตัว ทำให้ กนง. ปรับเพิ่มจีดีพีครั้งนี้ นอกจากนี้ยังพบว่า หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้หรือเอ็นพีแอลในกลุ่มภาคการส่งออกมีสัญญาณดีขึ้น
และการขอสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ก็ขยายตัวดีขึ้นเช่นกัน
ส่วนอัตราเงินเฟ้อที่มีการปรับลดลง อยู่ที่ร้อยละ
0.6
เนื่องมาจากราคาสินค้าเกษตรในปีก่อน มีฐานสูงเพราะเผชิญสถานการณ์ภัยแล้ง
แต่ในปีนี้ราคาสินค้าเกษตรปรับลดลงจึงทำให้อัตราเงินเฟ้อปรับลง


ส่วนสถานการณ์ค่าเงินบาทที่มีการเปลี่ยนแปลงแข็งค่าขึ้น
เนื่องจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่า ซึ่งยังต้องติดตามการเคลื่อนไหวอย่างใกล้ชิด
โดยเงินทุนต่างชาติจะไหลเข้า-ออก
มากหรือน้อยขึ้นอยู่กับมุมมองต่อเศรษฐกิจประเทศขนาดใหญ่  ความคืบหน้านโยบายการเงินของสหรัฐ
การปฏิรูปภาษีของสหรัฐฯ การลดขนาดงบดุลของธนาคารกลางสหรัฐ
รวมทั้งความตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลี ซึ่งมีผลทำให้นักลงทุนลดความเสี่ยงโยกเงินเข้ามาในตลาดที่มีความเสี่ยงต่ำ
อย่างไรก็ตามเงินทุนที่ไหลเข้ายังเป็นส่วนน้อยหากเทียบกับการเกินดุลบัญชีเดินสะพัดของประเทศไทย

ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย
ย้ำด้วยว่าการดำเนินนโยบายการเงินต้องมองใน
3 มิติ คือ 1. เสถียรภาพด้านเศรษฐกิจมหภาค ไม่ต้องการให้อัตราเงินเฟ้อปรับเร่งตัวขึ้นเร็ว
2. การฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่เต็มศักยภาพ 3. เสถียรภาพด้านการเงินต้องยั่งยืน
เพราะหากอัตราดอกเบี้ยต่ำเกินไปจะทำให้ประชาชนลดการออม
และหันไปแสวงหาการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงขึ้น
จนอาจกระทบต่อเสถียรภาพเศรษฐกิจในระยะยาวได้ ดังนั้นการดำเนินนโยบายการเงินต้องติดตามสถานการณ์รอบด้าน
หากมีความจำเป็นธนาคารแห่งประเทศไทยก็มีเครื่องมือที่พร้อมจะเข้ามาดูแล.-
สำนักข่าวไทย


 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง

“เอกภพ” เข้าพบ พนง.สอบสวน หลังถูกออกหมายจับ

“เอกภพ สายไหมต้องรอด” เข้าพบ พนง.สอบสวน หลังถูกออกหมายจับปมพยานเท็จดิไอคอน ยันบริสุทธิ์ใจ หากช่วยเหลือประชาชนแล้วโดนจับก็พร้อมรับ