รัฐสภา 16 ม.ค.- “สส.ปชน.” จี้รัฐจัดการ “ขอทานต่างด้าว” ย่านอโศก-นานา พาเด็กเล็กมาเรียกความสงสาร สงสัยเข้าเมืองผิดกฎหมายหรือไม่ อาจเข้าข่ายค้ามนุษย์ กระทบการท่องเที่ยว แฉได้เงินวันละ 1-2 พัน ใช้ไอโฟนรุ่นใหม่
นายภัณฑิล น่วมเจิม สส.กทม. พรรคประชาชน แถลงกรณีเด็กขอทานต่างด้าว ย่านอโศก – นานา ว่า ขอเรียกร้องให้หน่วยงานรัฐไปตรวจสอบกรณีดังกล่าวเพราะมีจำนวนมาก โดยเรื่องนี้ทาง กทม.และกระทวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์(พม.)ก็ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบ และตนก็เคยลงพื้นที่หลายครั้งจากข้อร้องเรียนของประชาชน โดยได้พบว่าในพื้นที่พบว่ามีขอทานเด็กต่างด้าว ซึ่งมีการอุ้มเด็กอ่อน อายุประมาณ 1 เดือนมาเพื่อเรียกคะแนนสงสาร และมีปริมาณเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะภาวะเศรษฐกิจซึ่งหลายครั้งมีการแจ้งไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็มีการแก้แบบผักชีโรยหน้า พอไปจับทีก็วิ่งหนีกันที ซึ่งไม่ค่อยปลอดภัยกับเด็กเล็กมากนักเพราะว่าคนที่วิ่งอาจจะเป็นผู้สูงอายุ อาจจะเกิดอุบัติเหตุได้ เพราะเป็นพื้นที่ที่มีการจราจรหน้าแน่น
นายภัณฑิล กล่าวต่อว่า ตนเคยไปสอบถามเด็กขอทานต่างด้าวส่วนใหญ่เป็นสัณชาติกัมพูชา โดยผู้สูงอายุอาจจะอ้างว่าเป็นย่า ยาย ป้า พาเด็กมาขอทาน แต่ไม่แน่ใจว่ามีความเกี่ยวข้องกันทางสายเลือดหรือไม่ ซึ่งการพาเด็กพาขอทานถือว่าผิด พระราชบัญญัติ(พ.ร.บ.)ขอทาน หรือ พ.ร.บ.เรี่ยไร โดยพามาอยู่ตามแยกอโศก -นานา ใกล้กับบันไดรถไฟฟ้า อาจจะเป็นการละเมิดสิทธิเด็กหรือไม่ และขอทานต่างด้าวเหล้านี้มีความผิดในการเข้าเมืองมาโดยผิดกฎหมาย อาจจะอยู่เดิน 3เดือรแล้ว และเรื่องนี้เทศกิจ ลงไปตรวจสอบหลายครั้ง เพราะไม่สามารถขายของบนทางเท้าได้ นอกจากนั้นยังมีการร้องเรียนว่า ขอทานเหล่านี้มีพฤติกรรมที่ก่อให้เกิดความไม่ปลอดภัยต่อพี่น้องประชาชน นักท่องเที่ยวถูกล้วงกระเป๋า โดยการฉุดกระชาก แลใช้เด็กเล็กเป็นเครื่องมือ ทำให้เรารู้สึกว่าไม่สามารถที่จะปฏิเสธหรือใช้กำลังกับเด็กได้ นอกจากนี้ชาวมุสลิมก็ร้องเรียนมาว่าบางที่ขอทานเหล่านี้ใช้ผ้าคลุมหัว ซึ่งไม่แน่ใจว่าเป็นมุสลิมจริงหรือไม่
นายภัณฑิล กล่าวว่า ถึงแม้เจ้าหน้าที่จะตรวจสอบและส่งกลับประเทศต้นทาง แต่ก็กลับมาอีก ดังนั้นอาจจะต้องมีการตรวจดีเอ็นเอว่าเป็น แม่ลูกกันจริงหรือไม่ รวมถึงเราต้องให้ความช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบ เพราะเด็กอาจจะต้องได้การเข้าถึงด้านสาธาณณสุขและการศึกษา ไม่ใช่มาอยู่ตอนกลางคืนบนท้องถนน เพราะเกิดความไม่ปลอดภัยกับตัวเด็ก และรมว.พัฒนาสังคมฯ ก็เคยพูดว่าถึงเวลาแล้วหรือไม่ที่ต้องแก้ พ.ร.บ.เรี่ยไร ว่าคนให้อาจจะเข้าข่าย ส่งเสริมให้มีการค้ามนุษย์ด้วยหรือไม่ถ้าหยุดการใหญ่คิดว่าขอทานคงจะน้อยลง และเขาเข้ามาทำเป็นอาชีพ เป้นขบวนการ จึงขอให้ตรวจสอบด้วยว่าเป็นการค้ามนุษย์หรือไม่ เพราะวันหนึ่งได้เงิน 2,000-3,000 บาท ใช้โทรศัพท์ไอโฟน รุุ่นใหม่กว่าเราอีก หากประชาชนช่วยกันตรวจสอบ ไม่ให้เงิน ก็จะทำให้เขาลำบากมากขึ้น ดังนั้นหน่วยงานต้องบูรณาการร่วมกันในการแก้ปัญหา
นายภัณฑิล กล่าวต่อว่า เรื่องนี้จะกระทบต่อการเปิดกาสิโน ที่ท่าเรือคลองเตย เพราะเป็นยานที่เชื่อมต่อกัน มีนักท่องเที่ยวจำนวนมาก ทั้งที่เรายังไม่สามารถบังคับใช้กฎหมายได้เลย มีการเอาเด็กพวกนี้มาอย่างเป็นขบวนการ ในอนาคตเราจะจัดการอย่างไร หากมีทุนข้ามชาติขนาดใหญ่ที่จะเข้ามาฟอกเงินอย่างเป็นทางการ เรามีกฎหมายรองรับแล้วหรือยัง คิดถึงผลกระทบทางสังคมหรือไม่ว่าจะเป็นอย่างไร รวมถึงการลงทุนของเอกชน ที่มีแหล่งที่ตั้งในเขตสุขุมวิท เขตวัฒนา เขตคลองเตย ก็มีข้อกังวลในเรื่องการเปิดบ่อนกาสิโนว่า จะมีการเก็บปากถุงหรือไม่ จากนักการเมือง และหน่วยงานที่ออกใบอนุญาต.-319 -สำนักข่าวไทย