“โรม” หวั่นไทยเป็นนายหน้าค้ามนุษย์

รัฐสภา 8 ม.ค.- “โรม” แฉ “ชเวโกะโก” เป็นเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ที่ใช้กาสิโนบังหน้าคอลเซ็นเตอร์ มีขบวนการไม่ต่ำกว่า 3 แสนคน เผยบริษัทจีน เคยมาเสนอธุรกิจในไทย จี้รัฐทบทวนฟรีวีซ่า เข้าพื้นที่เสี่ยงความมั่นคงควรต้องรายงาน หวั่นไทยเป็นนายหน้าค้ามนุษย์ พบ คอลเซ็นเตอร์แฝงตัวเป็นไกด์หลอกนักท่องเที่ยว


นายรังสิมันต์ โรม ประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงการค้ามนุษย์ที่ใช้ประเทศไทย เป็นทางผ่านไปสู่เมืองชเวโกะโก เมืองเศรษฐกิจใหม่ของเมียนมา โดยล่าสุดเหยื่อคือนายซิงซิง ดาราจีน ว่า เรื่องนี้ฝ่ายค้านพูดและอภิปรายมาหลายครั้งมาก ต้องยอมรับว่าวันนี้จะมองเป็นปัญหาของประเทศอื่นไม่ได้ เพราะเป็นปัญหาของไทยด้วย เพราะเราคือทางผ่าน เราแทบไม่แตกต่างจากการเป็นนายหน้าให้บรรดาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ เพราะเวลาเขาหลอกลวงคนไปเป็นเหยื่อค้ามนุษย์ ก็จะอ้างว่ามาทำงานในประเทศไทย มีเหยื่อแอฟริกา เคนย่า โมร็อกโก บังกลาเทศ ศรีลังกา รวมถึงประเทศเพื่อนบ้าน เช่น มาเลเซีย และเวียดนาม ดังนั้นประเทศไทยต้องทำอะไรมากกว่าที่เป็นอยู่ แต่กลับปล่อยปละละเลย

นายรังสิมันต์ กล่าวต่อว่า การช่วยเหลือนายซิงซิงได้ เป็นเรื่องดี แต่ก็ยังมีคนอีกจำนวนมากที่เป็นเหยื่อ ข้อมูลที่สื่อมวลชนรายงาน 6,000 คน ตนมองว่าน่าจะมีมากกว่านี้ แต่ตัวเลข 6,000 คนอาจเป็นแค่จุดๆ หนึ่ง เพราะเมืองเมียวดี เฉพาะอาคารที่เป็นเซ็นเตอร์ของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ก็ไม่น้อยกว่า 35 แห่ง มีคนที่อยู่ในขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ไม่ต่ำกว่า 300,000 คน อีกทั้งยังมีคนที่ไม่ได้เต็มใจและถูกหลอกไปเป็นคอลเซ็นเตอร์จำนวนมาก ซึ่งเรื่องนี้รัฐบาลสามารถทำได้ อยู่ที่ว่าจะทำหรือไม่ทำ


สำหรับเมืองชเวโกะโก ดำเนินการโดยบริษัทหย่าไท่ ซึ่งตอนที่มีการพิจารณาของคณะกรรมการความมั่นคงฯ เรื่องเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ของสภาชุดที่แล้ว หย่าไท่ได้เข้ามาที่สภาแห่งนี้ แล้วมาเสนอโปรเจกต์เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ดังนั้น ชเวโกะโก ก็คือเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ชนิดหนึ่ง เพียงแต่มีกาสิโนบังหน้า แต่ธุรกิจที่แท้จริงคือคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งวันนี้เจ้าของหย่าไท่ ก็ถูกจับดำเนินคดีในไทย ถ้ารัฐบาลอยากแก้ปัญหาการค้ามนุษย์อย่างจริงจังมีมาตรการทำหลายอย่าง ทั้งตัดน้ำตัดไฟ ตัดแล้วต้องป้องกันไม่ให้มีการใช้น้ำมันปั่นไฟ ซีลชายแดนให้เข้มแข็ง จัดการกับข้าราชการทุจริตคอร์รัปชัน

“นายต๊ะ ซึ่งเป็นตำรวจ บิ๊กต่ายได้ดำเนินการแล้วหรือยัง ผมเคยอภิปรายในสภาชี้เป้าขนาดนี้ ทาง ตร. จะนิ่งเฉยใช่ไหม ตำรวจคนนี้เกี่ยวข้องกับธุรกิจสีเทา และหลายๆ ขบวนการ” นายรังสิมันต์ กล่าว

นายรังสิมันต์ กล่าวต่อว่า สุดท้ายแล้วธุรกิจสีเทาที่เกิดขึ้นตามแนวชายแดนเกี่ยวพันกับข้าราชการ นักการเมือง แก๊งคอลเซ็นเตอร์ รวมไปถึงการค้ามนุษย์ อยากให้รัฐบาลนำเรื่องนี้มาเป็นวาระแห่งชาติ พร้อมยอมรับว่าปัญหาที่เกิดขึ้นเกี่ยวข้องกับการฟรีวีซ่าจีน ตราบใดที่ให้ฟรีวีซ่า ก็สามารถเดินทางได้ทั่วราชอาณาจักร ตำรวจจะไปจับไม่ได้ แม้จะรู้ว่าคนนี้มีธุรกิจสีเทาขบวนการคอลเซ็นเตอร์แต่ไม่มีพยานหลักฐานที่ชัดเจนจึงจับไม่ได้ ตราบใดที่เขาไม่ได้เดินข้ามแม่น้ำเมย ก็จับไม่ได้ วันนี้คนจะข้ามไปยังเมียนมาผ่าน ตม. มี 2 สัญชาติเท่านั้นคือ ไทย กับ เมียนมา ส่วนสัญชาติอื่นต้องเข้าช่องทางธรรมชาติ ถึงเวลาแล้วที่ต้องทบทวนว่าพื้นที่ใดที่มีความละเอียดอ่อนอาจต้องมีมาตรการพิเศษบางอย่าง ตอนสนับสนุนความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ อยากเห็นแม่สอดมีความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ แต่ปัญหาคือธุรกิจที่เข้ามาเป็นธุรกิจสีเทา โดยอาศัยฟรีวีซ่าเดินกันทุกตารางนิ้ว สนามบินที่แม่สอดมีแต่คนจีนเต็มไปหมด จึงจำเป็นต้องทบทวนว่าบางพื้นที่ที่เสี่ยงต่อความมั่นคง จะต้องมีมาตรการเพิ่ม เช่น ถ้าเดินทางไปบางพื้นที่ จะต้องขออนุญาตหรือรายงาน เพื่อให้เจ้าหน้าที่มีฐานข้อมูลเมื่อก่อนคนจีนที่เข้าประเทศไทยเป็นวีซ่า visa on arrival สามารถรู้ที่อยู่ในไทย แต่พอเป็นฟรีวีซ่า เราแทบจะไม่มีฐานข้อมูล


นายรังสิมันต์ กล่าวอีกว่า ส่วนตัวเชื่อว่าคนจีนที่เดินทางมาประเทศไทยเป็นนักท่องเที่ยวจริงๆ แต่ก็ยอมรับว่ามีขบวนการแอบแฝง ซึ่งถ้าไม่มีมาตรการอะไร ประเทศไทยก็ไม่ต่างจากการเป็นนายหน้าค้ามนุษย์ และพูดเรื่องนี้ทีไรก็ต้องถอนหายใจ เพราะตนทั้งอภิปราย ถามกระทู้ ในกรรมาธิการก็พูดมาตลอด รวมถึงเรื่องขายไฟฟ้าให้ว้าแดงก็ตั้งกระทู้ถามมาแล้วแต่ แต่รัฐบาลก็ไม่ได้ให้ความสนใจ ส่งคนอื่นมาตอบแทน และวันพรุ่งนี้ (9 ม.ค.) ที่ประชุมกรรมาธิการความมั่นคงฯ จะนำเรื่องว้าแดง, 4 ลูกเรือประมง และการค้ามนุษย์ เข้าที่ประชุม โดยได้รับการร้องเรียนจากเอกอัครราชทูตประเทศต่างๆ มาพร้อมรายชื่อเหยื่อค้ามนุษย์ มากว่า 100 รายชื่อ นี่คือสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศไทย และเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่สถานทูตพูดตรงกันเกือบทุกที่ ว่าวันนี้พลเมืองของเขาเข้าใจว่าการเดินทางมาท่องเที่ยวประเทศไทย มาแล้วสุ่มเสี่ยงอันตราย อุตสาหกรรมท่องเที่ยวของประเทศไทยกำลังจะพังทลาย พร้อมเปิดเผยด้วยว่ามีข้อมูลว่าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ แฝงตัวเป็นไกด์มาหลอกลวงนักท่องเที่ยว แล้วแบบนี้ใครจะมาเที่ยวประเทศไทย ไทยสุ่มเสี่ยงมากที่จะเสียหายจากปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์.-312 -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

ไร้คู่แข่ง “ไชยา” ได้รับเลือกเป็นรองประธานสภาฯ คนที่ 1

รัฐสภา 7ส.ค. – “ไชยา พรหมา” ได้รับเลือกเป็นรองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 แบบไร้คู่แข่ง ประกาศพร้อมจับมือทุกฝ่ายทำให้สภาฯ เป็นที่พึ่งของประชาชน การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาฯ เป็นประธานการประชุม ได้พิจารณาลงมติเลือกบุคคลให้ดำรงตำแหน่งรองประธานสภาฯ คนที่ 1 แทนนายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน ที่ถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้พ้นจากตำแหน่ง โดยนายสรวงศ์ เทียนทอง สส.สระแก้ว พรรคเพื่อไทย เป็นผู้เสนอชื่อนายไชยา พรหมา สส.หนองบัวลำภู พรรคเพื่อไทย เพียงชื่อเดียว จากนั้นนายไชยา ได้แสดงวิสัยทัศน์ต่อที่ประชุมสภาฯ ว่า ขอบคุณประธานฯ และสมาชิก ที่ให้ความไว้วางใจให้ทำหน้าที่เป็นรองประธานสภาฯ คนที่ 1 ขอยืนยันว่าจะใช้ความรู้ความสามารถและประสบการณ์การทำงานทางการเมืองตลอดชีวิตการทำงานเพื่อสภาฯ แห่งนี้ อย่างน้อยสถาบันนิติบัญญัติเป็นกลไกที่มีความสำคัญไม่แพ้อำนาจฝ่ายบริหาร ประธานฯ และตัวไชยาเอง อยู่สภาฯ นี้มานาน ได้ผ่านกงล้อประวัติศาสตร์ทางการเมือง สถานการณ์การเมืองที่แตกต่างกันแต่ละยุคสมัย อยากเห็นองค์กรนิติบัญญัติแห่งนี้เป็นที่พึ่งของที่น้องประชาชนต่อไป และสิ่งหนึ่งที่อยากจะเห็นในขณะที่ดำรงตำแหน่งรองประธานสภาฯ คนที่ 1 คือ อยากเห็นความร่วมมือร่วมใจ ไม่ว่าจะฝ่ายค้าน […]

เปิด 13 ข้อตกลงหยุดยิง ไทย-กัมพูชา เห็นพ้องรักษาสันติภาพ

มาเลเซีย 7 ส.ค.-เสร็จสิ้นแล้ว การประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee: GBC) ไทย-กัมพูชา สมัยวิสามัญ ที่ 2 ชาติ เห็นพ้องข้อตกลงหยุดยิง 13 ข้อระหว่างกัน โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้1.ยุติการใช้อาวุธทุกประเภท การโจมตีต่อพลเรือน เป้าหมายพลเรือน และเป้าหมายทางทหาร ในทุกพื้นที่และทุกกรณี2.รักษาสถานะการวางกำลังในที่ตั้งปัจจุบัน สถานะตั้งแต่ 28 ก.ค.68 โดยไม่มีการเคลื่อนย้ายกำลัง และไม่มีการลาดตระเวนไปยังที่ตั้งของอีกฝ่าย3.ไม่เพิ่มเติมกำลังตลอดแนวชายแดนไทย – กัมพูชา4.ไม่กระทำการอันเป็นการยั่วยุที่ส่งผลให้เกิดความตึงเครียด การมีกิจกรรมทางทหารเข้าไปยังดินแดน เขตน่านฟ้า หรือที่ตั้งของอีกฝ่าย ตามสถานะการหยุดยิง ตั้งแต่ 28 ก.ค.68 และไม่สร้างโครงสร้างพื้นฐานทางทหารล้ำออกไปนอกขอบเขตของฝ่ายตน5.ไม่ใช้กำลังต่อพลเรือน หรือเป้าหมายทางพลเรือนในทุกกรณี6.การปฏิบัติตามอนุสัญญาเจนีวา: การปฏิบัติต่อผู้ที่ถูกจับกุมตัว การขอส่งตัวผู้บาดเจ็บมารักษาในสถานพยาบาลของอีกฝ่าย โดยจะขึ้นอยู่กับศักยภาพในการรองรับของสถานพยาบาลแล้วแต่กรณี สำหรับทหารที่อยู่ในความควบคุมของอีกฝ่ายหนึ่งจะได้รับการปล่อยตัวและส่งกลับประเทศ หลังจากยุติการใช้กำลังโดยสมบูรณ์ รวมทั้งอำนวยความสะดวกในการส่งคืนร่างผู้เสียชีวิตอย่างสมเกียรติโดยเร็ว และจัดการศพภายใต้สภาพที่ถูกสุขลักษณะและด้วยความเคารพ7.กรณีมีความขัดแย้งกันด้วยอาวุธ ทั้งตั้งใจและไม่ตั้งใจ ทั้งสองฝ่ายจะหารือกันในระดับปฏิบัติผ่านกลไกทวิภาคีที่มีอยู่ เพื่อป้องกันการขยายตัวของสถานการณ์8.เห็นชอบให้เพิ่มในเรื่องของการปฏิบัติดังนี้8.1 ดำรงการติดต่อสื่อสารอย่างต่อเนื่องระหว่างหน่วยทหารในพื้นที่8.2 จัดการประชุม RBC ภายใน 2 สัปดาห์ นับจากการประชุม […]

แม่ทัพภาค 2 เชื่อผลประชุม GBC เป็นทิศทางที่ดี

7 ส.ค. – มทภ.2 ขอรอผลอย่างเป็นทางการหลังประชุม GBC เชื่อจะไปในทิศทางที่ดี เมิน “ฮุนเซน” ขอไทยงดใช้ F-16 ร้องนานาชาติ หยุดขายเครื่องบินรบให้ไทย ส่วนกรณีสายลับเขมร รอเจ้าหน้าที่ตรวจสอบ พลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ให้สัมภาษณ์ภายหลังรับมอบอุปกรณ์โดรนโลเคเตอร์ เครื่องจับพิกัดตัวโดรน รวม 30 เครื่อง มูลกว่า 8 ล้านบาท เครื่องนุ่งห่ม รวมถึงของใช้ที่จำเป็นเพื่อนำไปมอบให้ทหารแนวหน้า จากมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน ผู้สื่อข่าวถามว่า วันนี้จะได้ข้อสรุปในการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) สถานการณ์ต่อไปจะเป็นอย่างไร พลโท บุญสิน บอกว่ารอการชี้แจงอย่างเป็นทางการ เชื่อว่าจะดีขึ้น ย้ำว่า ในข้อเสนอ 8 เรื่อง 6 ประเด็น ตนให้ความสำคัญ ทหารไทย ณ ปัจจุบันนี้อยู่ตรงไหนก็ให้อยู่ตรงนั้น คำนึงถึงเรื่องนี้เป็นหลัก เน้นย้ำให้ทหารหน้าแนวตั้งอยู่ในความไม่ประมาท และตรึงกำลังไว้ตลอด เรื่องแผ่นดินไม่สามารถคุมได้ด้วยเครื่องมือ ต้องใช้คนเฝ้า เมื่อเปรียบเทียบกับท่าทีของกัมพูชาแล้ว เราจะต้องประกบไว้แบบนี้ […]

“พล.อ.ณัฐพล” เข้าเยี่ยมคำนับนายกฯ มาเลเซีย

มาเลเซีย 7 ส.ค.- “พล.อ.ณัฐพล” รมช.กลาโหม เข้าเยี่ยมคำนับนายกฯ มาเลเซีย ก่อนถก GBC ไทย – กัมพูชา สมัยวิสามัญ บ่ายนี้ เมื่อเช้าวันนี้ (7 ส.ค. 68) พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้เข้าเยี่ยมคำนับ ดาโตะ เซอรี อันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ซึ่งเป็นประธานอาเซียนในขณะนี้และเป็นเจ้าภาพของสถานที่การประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป(General Border Committee: GBC) ไทย – กัมพูชา สมัยวิสามัญ โดยมีรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของกัมพูชาเข้าร่วมด้วย ซึ่งเป็นโอกาสแรกที่ฝ่ายไทยและฝ่ายกัมพูชาได้พบกันในระดับรัฐมนตรีก่อนที่จะเข้าร่วมประชุม GBC สมัยวิสามัญ ที่จะมีขึ้นในช่วงบ่ายของวันนี้ Deputy Minister of Defence pays courtesy call on Malaysian Prime Minister before Extraordinary Session […]