นายกฯ คิกออฟ “บ้านเพื่อคนไทย” ให้ประชาชนเข้าชมบ้าน-ห้องตัวอย่าง

สถานีกลางบางซื่อ 17 ม.ค.-นายกฯ คิกออฟ เปิดโครงการ “บ้านเพื่อคนไทย” ให้ประชาชนเข้าชมบ้าน-ห้องตัวอย่าง และจองสิทธิ์ หวังยกระดับคุณภาพชีวิต มีบ้านใกล้ที่ทำงาน ลดความเหนื่อยล้า มีแรงช่วยพัฒนาประเทศ เผยหลังเปิดจองพบประชาชนกว่า 12 ล้านคน เข้าจองสิทธิ์ในเว็บไซต์จนเว็บล่ม ขณะที่ชาวบ้านมารอเข้าคิวที่สถานีกลางบางซื่อ คึกคักตั้งแต่ตี 5

นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานพิธีเปิดโครงการ “บ้านเพื่อคนไทย” พร้อมเปิดชมห้องตัวอย่าง และจองสิทธิ์โครงการบ้านเพื่อคนไทย ณ โถงกลางประตู 1 สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ เขตจตุจักร กรุงเทพฯ


โดยมีนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นางมนพร เจริญศรี นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม และนายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง รวมถึงนายปิฎก สุขสวัสดิ์ สามี และนางสาวพินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ พี่สาว มาร่วมเปิดงานด้วย

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า วันนี้เป็นวันที่ดี เพราะในที่สุดเราก็จะได้เห็นห้องตัวอย่างที่เป็นรูปธรรม หลังจากที่เราได้พูดกันมาสักพักหนึ่งแล้ว วันนี้อยากจะถามทุกคนว่า ทราบหรือไม่ว่ามีคนไทยจำนวนมากไม่มีบ้านของตัวเอง ซึ่งจากที่ตนทำการบ้าน พบว่ามีกว่า 5.87 ล้านครอบครัว หรือคิดเป็น 27% ไม่มีบ้านของตนเอง รัฐบาลนี้เน้นย้ำเรื่องการช่วยเหลือ ซัพพอร์ตพี่น้องประชาชน นั่นคือสิ่งที่สำคัญ เราพยายามมีนโยบายที่จะดูแลประชาชนทุกกลุ่มให้เข้าถึงสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ และให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีและมั่นคงขึ้น


โครงการนี้เป็นหนึ่งในโครงการที่ช่วยซัพพอร์ตสำหรับคนที่เริ่มทำงาน พยายามเก็บตังค์ที่จะมีบ้าน มีที่อยู่อาศัยเป็นของตัวเอง แต่พอเก็บตังค์ไป ราคาบ้านก็สูงขึ้นเรื่อยๆ พอไปซื้อบ้านที่อยู่ไกลจากที่ทำงาน รถก็ติด ไม่มีรถไฟฟ้า ใช้เวลาไปกลับร่วม 3 ชั่วโมง เป็นสิ่งที่ทำให้รู้สึกเหนื่อยล้าในการทำงานแต่ละวัน

คนที่มีศักยภาพเหล่านั้น อายุที่อยู่ในวัยขับเคลื่อนก็หมดแรง พอหมดแรง แทนที่ประเทศชาติจะพัฒนาได้เท่าที่ควร ซึ่งรัฐบาลมองเห็นสิ่งเหล่านี้ ถ้าหากประชาชนมีที่อยู่อาศัยที่ดี ใกล้ที่ทำงาน ประหยัดเวลา สามารถใช้เวลากับครอบครัว เพื่อชาร์จพลัง จะทำให้มีศักยภาพมากขึ้น มีแรงมากขึ้นในการทำงาน ซึ่งถือเป็นพื้นฐานในปัจจัยสี่ ที่อยากให้คนไทยทุกคนมีกินมีใช้ มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี เราอยากให้ประชาชนลดความทุกข์ลงในทุกรูปแบบ โครงการนี้เป็นหนึ่งในปัจจัยสี่ ที่จะทำให้พี่น้องประชาชนมีบ้านที่ดี ไม่ห่างไกลจากที่ทำงานจนเกินไป มีแรงตื่นเช้าไปทำงาน

นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า บ้านเพื่อคนไทย เป้าหมายเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชนคนไทยให้สามารถอยู่ได้อย่างปลอดภัย คือสิ่งที่รัฐบาลต้องการ


จากนี้เราจะพยายามอัปเดตข้อมูลทุกช่องทางอย่างต่อเนื่อง ทั้งการเปิดจอง หรือข้อมูลเพิ่มเติม จึงอยากให้ติดตามช่องทางโซเชียลมีเดียของรัฐบาลไว้ ส่วนบ้านตัวอย่างก็สามารถมาดูได้ที่สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป จนถึงวันที่ 31 มกราคมนี้ ตั้งแต่เวลา 10.00-21.00 น. ไม่เว้นวันหยุดราชการ จากนั้นจะมีการปรับช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับผู้ที่อยากชมตัวอย่างโครงการ

นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า โอกาสนี้ต้องขอขอบคุณกระทรวงคมนาคม ซึ่งที่ผ่านมาทำงานหนักมาก ในวันนี้คิดว่าหายเหนื่อย ไป 1 Step แล้ว และต้องขอบคุณมากๆ กระทรวงการคลังด้วย ช่วยกันทำโครงการนี้ รวมถึงรถไฟแห่งประเทศไทย บริษัท SRT Asset

“ในประเทศของเรามีเรื่อง มีมิติอีกมากมายที่ทุกคนต้องร่วมมือช่วยกันเพื่อผลักดัน ฉะนั้นวันนี้ขอบคุณทุกท่านที่มีส่วนสำคัญอย่างมากในการช่วยเหลือประชาชน ขอให้ทุกคนร่วมมือร่วมใจกันแบบนี้ในทุกนโยบายของรัฐบาล เพื่อประเทศชาติ เพื่อพี่น้องประชาชน”

จากนั้นนายกรัฐมนตรีและคณะ ได้เยี่ยมชมตัวอย่างโครงการบ้านเพื่อคนไทย โดยนายกฯ ได้เอ่ยปากชมว่า บ้านตัวอย่างสวย โดยเฉพาะบ้านเดี่ยวที่จังหวัดเชียงใหม่

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังการเปิดให้ประชาชนจองสิทธิ์โครงการฯ ผ่านเว็บไซต์ ปรากฏว่า ระบบล่ม โดยนายกรัฐมนตรี ระบุว่า ขณะนี้มีประชาชนสนใจเข้าเว็บไซต์เพื่อจองสิทธิ์ 12 ล้านคน

ก่อนเดินทางกลับ นายกรัฐมนตรีได้เดินไปพบปะพูดคุยกับประชาชนที่เดินทางมารอลงทะเบียนจองสิทธิ์ ซึ่งประชาชนบางคนบอกว่า มารอตั้งแต่ตี 5 เพื่อจะรีบมาเข้าคิวจองสิทธิ์บ้านเพื่อคนไทย

สำหรับแบบบ้านเพื่อคนไทย จะเป็นบ้านเดี่ยวชั้นเดียว ขนาด 50 ตารางวา คอนโดมิเนียมมีขนาดตั้งแต่ 30 ตารางเมตร ไปจนถึงห้องขนาดใหญ่ มีห้องครัว ห้องนั่งเล่น ห้องนอน ขนาด 51 ตารางเมตร นำร่องเฟสแรก 4 พื้นที่ ประกอบด้วย ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ประกอบด้วย

1.พื้นที่บางซื่อ กม. 11 เขตจตุจักร ซอยวิภาวดี 11 ติดถนนกำแพงเพชร ห่างจากสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ 2.5 กม., ห่างจากเซ็นทรัลลาดพร้าว 500 เมตร, ห่างจาก MRT พหลโยธิน 500 เมตร

2.พื้นที่ธนบุรี (ศิริราช) ตรงข้ามตลาดศาลาน้ำร้อน ห่างจากรถไฟฟ้าสายสีแดง และสายสีส้ม 800 เมตร มีขนาดที่ดินประมาณ 23 ไร่ แต่เนื่องจากพื้นที่ยังมีบ้านพักพนักงานรถไฟ จึงต้องศึกษาเพิ่มเติม

3.พื้นที่เชียงราก จ.ปทุมธานี ใกล้ ถ.เลียบคลองเปรมประชากร ห่างจากสถานีรถไฟเชียงราก 4.4 กม., ห่างจากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต 4.4 กม., ห่างจากโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ 4.4 กม., ห่างจากมหาวิทยาลัยกรุงเทพ 9 กม.

4.พื้นที่เชียงใหม่ ติดสถานีรถไฟเชียงใหม่ ติด ถ.เจริญเมือง ถ.ทุ่งโฮเต็ล ห่างจากโรงเรียนปรินส์รอยแยลส์วิทยาลัย 2.5 กม., ห่างจากมหาวิทยาลัยพายัพ 2.6 กม., ห่างจากมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ 7.5 กม., ห่างจาก ถ.ซุปเปอร์ไฮเวย์ 1.3 กม.

ส่วนที่เชียงใหม่ เป็นบ้านเดี่ยวขนาด 50 ตารางวา ให้จับจอง ส่วนบางซื่อ กม.11 เชียงรากและธนบุรี จะเป็นคอนโดมิเนียม และจะเปิดให้ประชาชนเข้าชมห้องตัวอย่าง พร้อมทั้งเปิดให้ผู้ที่สนใจแสดงความประสงค์เข้าร่วมโครงการจองสิทธิ์ได้ หรือสามารถลงทะเบียนผ่านทาง www.บ้านเพื่อคนไทย.th ตั้งแต่เวลา 14.00 น. เป็นต้นไป.-316.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“สุชาติ” จ่อลาออก สส. ให้สภามี สส.ทำงาน

ทำเนียบ 7 ก.ค.-“สุชาติ” เผยเตรียมลาออก สส. เพื่อให้บัญชีรายชื่อลำดับถัดไปได้ขึ้นมา มองให้สภามี สส.ทำงาน นายสุชาติ ตันเจริญ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงธรรมเนียมปฏิบัติของคนที่เป็น สส.ระบบบัญชีรายชื่อ จะลาออกเมื่อเป็นรัฐมนตรี หรือไม่ว่า ที่ผ่านมายังไม่มีการลาออกแต่โดยธรรมเนียมก็ควรจะลาออก เพราะการทำหน้าที่ของรัฐมนตรีก็เต็มเวลาอยู่แล้ว ไม่มีเวลาที่จะไปช่วยงานสภา ซึ่งขณะนี้สภาเสียงปริ่มน้ำ ซึ่งตนมีความตั้งใจที่จะลาออกจาก สส ระบบบัญชีรายชื่ออยู่แล้ว เพื่อให้ สส.ระบบบัญชีรายชื่อลำดับถัดไปได้เลื่อนขึ้นมา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สส. ลำดับถัดไปที่จะขึ้นมาเป็น สส.แทนนายสุชาติ คือ นายเอกพร รักความสุข บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ลำดับที่ 38.-316.-สำนักข่าวไทย

พม.ร้องเอาผิด “จอนนี่ มือปราบ” สร้างรีสอร์ทรุกล้ำที่ส่วนกลาง

บก.ปทส. 7 ก.ค. – จนท.กรมพัฒนาสังคมฯ ร้องตำรวจป่าไม้ตรวจสอบปมรีสอร์ทของ “จอนนี่มือปราบ” อินฟลูชื่อดัง บุกรุกพื้นที่นิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย ในอุบลราชธานี และถูกข่มขู่ไม่ให้เข้าพื้นที่ นายวัชระ โกเสนตอ นักพัฒนาสังคมชำนาญการพิเศษ ได้รับมอบอำนาจจากนายกันตพงศ์ รังษีสว่าง อธิบดีกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นำหลักฐานเอกสารเข้าแจ้งความกับกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือ บก.ปทส. เพื่อให้ดำเนินคดีกับ ด.ต.ยุทธพล หรือ “จอนนี่ มือปราบ” อดีตตำรวจที่ผันตัวลาออกจากราชการมาเป็นอินฟลูเอนเซอร์ กรณีสร้างรีสอร์ทรุกเข้าไปในเขตนิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย ตำบลคำเขื่อนแก้ว อำเภอสิรินธร จังหวัดอุบลราชธานี นายวัชระ เปิดเผยว่า กรมพัฒนาสังคมฯ รับแจ้งจากนิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย ว่ามีผู้เข้าไปทำประโยชน์ในที่ดินของนิคมโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยส่วนที่รุกล้ำเข้ามาเป็นพื้นที่ที่นิคมกันไว้เป็นป่าไม้ส่วนกลาง 20% รุกล้ำเข้ามาประมาณ 1 ไร่ และเริ่มก่อสร้างรีสอร์ทเมื่อปี 2564 เป็นต้นมา และทางกรมฯ ก็ได้ลงบันทึกประจำวันและมีหนังสือให้ระงับการดำเนินการรีสอร์ทมาตั้งแต่ปี 2565 แต่เจ้าของรีสอร์ทไม่ให้ความร่วมมือ และยังมาโวยวายที่นิคมฯ ข่มขู่เจ้าหน้าที่ ไม่ให้เจ้าหน้าที่เข้าไปที่รีสอร์ท ทั้งนี้นิคมสร้างตนเองลำโดมน้อย มีพื้นที่ตามแนวเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งนิคมสร้างตนเองฯ ชัดเจน เนื้อที่ […]

Camp Mystic after Texas floods

เปิดภาพความเสียหายน้ำท่วมแคมป์ในเท็กซัส

เท็กซัส 6 ก.ค.- ทีมกู้ภัย อาสาสมัครและตำรวจ ช่วยกันรื้อถอนเศษซากความเสียหายและซากต้นไม้กิ่งไม้ใกล้ที่ตั้งแคมป์ในรัฐเท็กซัสของสหรัฐ ซึ่งมีนักเรียนหญิง 27 คน สูญหายจากเหตุน้ำท่วมฉับพลันที่เกิดขึ้นเมื่อเช้ามืดวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่น   ค่ายมิสติก (Camp Mystic) เป็นค่ายกิจกรรมนักเรียนหญิงล้วน มีนักเรียนเข้าร่วมกิจกรรมในค่าย 700 คน ในช่วงที่เกิดฝนตกหนักและน้ำท่วมฉับพลันครั้งใหญ่ในเทศมณฑลเคอร์ ทางตอนกลางของรัฐเท็กซัส แคมป์แห่งนี้ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำกัวดาลูปในแถบหุบเขาตอนกลางรัฐเท็กซัส ซึ่งเป็นศูนย์กลางที่เกิดน้ำท่วม ก่อตั้งโดยโค้ชฟุตบอลมหาวิทยาลัยเท็กซัส เมื่อเกือบหนึ่งร้อยปีก่อนในปี 2469 เพื่อให้เยาวชนหญิงได้สัมผัสบรรยากาศแบบคริสเตียนในการพัฒนาตนเอง.-820(814).-สำนักข่าวไทย

กรมอุตุฯ เตือน 4 ภาครับมือฝนถล่ม ระวังน้ำท่วม-น้ำป่าไหลหลาก

กทม. 6 ก.ค.- กรมอุตุฯ เผยประเทศไทยยังมีฝนฟ้าคะนอง เตือน “เหนือ อีสาน ตะวันออก ใต้” รับมือฝนตกหนัก อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก กรมอุตุนิยมวิทยาเผยภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้มีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนในบริเวณจังหวัดภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ ระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ทั้งนี้เนื่องจากมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศเมียนมาตอนบนและลาวตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย อนึ่ง พายุโซนร้อน “ดานัส” บริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน คาดว่าจะเคลื่อนเข้าใกล้ไต้หวัน ในช่วงวันที่ 6–7 กรกฎาคม 2568 โดยไม่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อลักษณะอากาศของประเทศไทย แต่จะทำให้มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่ปกคลุมประเทศไทยมีกำลังแรงขึ้น โดยพายุนี้ไม่เคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทย – สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

พุทธศาสนิกชนหลั่งไหลทำบุญวันอาสาฬหบูชา

ฉะเชิงเทรา 10 ก.ค.- พุทธศาสนิกชนทั่วประเทศ หลั่งไหลทำบุญตักบาตร เนื่องในวันอาสาฬหบูชา เพื่อความเป็นสิริมงคล ที่วัดโสธรวรารามวรวิหาร ผู้ว่าราชการจังหวัดฉะเชิงเทรา เป็นประธานทำบุญตักบาตรข้าวสารอาหารแห้ง เนื่องในวันอาสาฬบูชา วันสำคัญทางพระพุทธศาสนาก่อนถึงวันเข้าพรรษาปี 2568 มีหัวหน้าส่วนราชการ ทหาร ตำรวจ และพุทธศาสนิกชนร่วมทำบุญยืนต่อแถวยาวไปจนถึงศาลาริมแม่น้ำบางปะกงหลังพระอุโบสถ วัดโสธรวรารามวรวิหาร อย่างเนืองแน่น ก่อนสมาทานศีล 5 รับพรจากพระเทพภาวนาวชิรคุณ วิ. เจ้าอาวาสวัดโสธรวรารามวรวิหาร เจ้าคณะจังหวัดฉะเชิงเทรา และถวายสังฆทาน ถวายไทยธรรม รับพรจากพระสงฆ์ จากนั้นอาวาสวัดโสธรวฯ เจ้าคณะจังหวัดฉะเชิงเทรา นำพระภิกษุสามเณร เดินรับบาตรที่พุทธศาสนิกชนนำมาถวายเป็นพุทธบูชา บรรยากาศวันอาสาฬหบูชาในจังหวัดพิษณุโลก โดยเฉพาะที่วัดราชบูรณะ พระอารามหลวง พุทธศาสนิกชนต่างแต่งกายด้วยชุดขาวหรือชุดสุภาพ นำเทียนพรรษา ดอกไม้ ธูป เทียน และสิ่งของมาทำบุญตักบาตร ฟังธรรม และถวายสังฆทาน เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ตนเองและครอบครัว บรรยากาศเป็นไปด้วยความสงบ เรียบร้อย และเปี่ยมไปด้วยแรงศรัทธา -สำนักข่าวไทย

จับชายมุดท่อระบายน้ำ ลอบข้ามแดนกลับไทย

สระแก้ว 10 ก.ค.- ทหารคุมเข้มแนวชายแดนอรัญประเทศ ล่าสุดจับชายมุดท่อระบายน้ำ ลอบข้ามแดนกลับไทย อ้างป่วยโรคปอด แม่ชวนไปเป็นบัญชีม้าฝั่งปอยเปต ด้าน 15 แรงงานกัมพูชา อดอยาก ยอมเสี่ยงเดินเท้าเข้าสระแก้ว ชุดเฉพาะกิจอรัญประเทศ ทหารพราน ร่วมกันลาดตระเวนพื้นที่ล่อแหลมชายแดนสกัดกั้นการลักลอบเข้า-ออกโดยผิดกฎหมาย และการขนสิ่งผิดกฎหมาย ต่อมาจับกุมตัวนายอภิรักษ์ อายุ 40 ปี ขณะกำลังมุดท่อระบายน้ำข้างทางรถไฟ ห่างจากด่านพรมแดนบ้านคลองลึกประมาณ 200 เมตร เพื่อลักลอบข้ามพรมแดนกลับเข้าประเทศไทย โดยพบข้อมูลเบื้องหลังการจับกุม เผยเรื่องราวสุดสะเทือนใจ เมื่อผู้ต้องหาอ้างว่าคนที่ชักชวนให้เขามาทำงานผิดกฎหมายนี้ คือ “แม่ของเขาเอง” นายอภิรักษ์ ให้การว่า ตนป่วยเป็นโรคปอด สุขภาพร่างกายไม่แข็งแรง ต่อมาแม่ของตนซึ่งเคยทำงานลักษณะนี้มาก่อน ชักชวนให้ไป “รับจ้างเปิดบัญชีและสแกนใบหน้า” ที่ฝั่งปอยเปต ประเทศกัมพูชา ถูกนำตัวข้ามแดนไปพักในห้องสังกะสี และสั่งให้ไปเปิดบัญชีธนาคาร 1 บัญชี พร้อมคอยสแกนใบหน้าเป็นเวลา 4-5 วัน เมื่องานเสร็จ นายจ้างชาวไทยให้คนนำทางพามาส่งทิ้งไว้ที่แนวชายแดนและชี้ทางให้มุดท่อระบายน้ำกลับมาไทย จนถูกจับ เจ้าหน้าที่นำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.คลองลึก เพื่อดำเนินคดีในข้อหาลักลอบข้ามแดนโดยผิดกฎหมาย และจะมีการประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดำเนินการในข้อหาอื่น ๆ […]

ยิงดับ 2 ศพ คาวัดดังย่านเพชรเกษม

10 ก.ค.- ลูกเจ้าของโรงเรียนคลั่งยา ชักปืนยิงดับ 2 ศพ คาวัดดังย่านเพชรเกษม ตำรวจควบคุมตัวผู้ก่อเหตุได้แล้ว เกิดเหตุยิงกันเสียชีวิต 2 คน โดยบริเวณข้างโรงเรียนแห่งหนึ่ง ซ.เพชรเกษม 20 พบ 1 ศพ เป็นหญิง และบริเวณข้างวัดแห่งหนึ่ง แขวงคูหาสวรรค์ เขตภาษีเจริญ กรุงเทพฯ พบอีก 1 ศพเป็นผู้ชาย เบื้องต้นจากการสอบถามเพื่อนบ้าน คาดผู้ก่อเหตุมีอาการคลั่งยา หลอนฝันว่าผู้ตายรายแรกที่เป็นหญิงทำคุณไสยใส่ จึงเดินไปใช้อาวุธปืนยิงเข้าที่กกหู ขณะที่กำลังซักผ้าเสียชีวิตทันที หลังจากนั้นเดินออกมาหน้าวัด พบนายติ่ง จึงใช้ปืนกระบอกเดียวกัน ยิงเข้าเบ้าตาเสียชีวิตคาที่เป็นศพที่ 2 ขณะนี้ตำรวจควบคุมตัวผู้ก่อเหตุได้แล้ว เป็นลูกเจ้าของโรงเรียนใกล้เคียงกับวัดดังกล่าว ถูกนำตัวไปสอบสวนที่ สน.ภาษีเจริญ – สำนักข่าวไทย

หนึ่งเดียวในโลก! ทำบุญตักบาตรบนหลังช้างสุรินทร์

สุรินทร์ 10 ก.ค.- สุรินทร์จัดยิ่งใหญ่! ทำบุญตักบาตรบนหลังช้าง เพื่อความเป็นสิริมงคล เนื่องในวันอาสาฬหบูชาและเข้าพรรษา ประจำปี 2568 ยิ่งใหญ่หนึ่งเดียวในโลก ประชาชนและนักท่องเที่ยวไทยและต่างประเทศ หลั่งไหลร่วมทำบุญตักบาตรบนหลังช้างสุรินทร์ เนื่องในวันอาสาฬหบูชา และเข้าพรรษา ประจำปี 2568 บริเวณลานหน้าอนุสาวรีย์พระยาสุรินทร์ภักดีศรีณรงค์จางวาง อ.เมือง จ.สุรินทร์ มีพระสงฆ์ สามเณร 64 รูป นั่งรับบิณฑบาตบนหลังช้างแสนรู้ และช้างงายาว 64 เชือก โดยนำอัฒจันทร์เหล็กมาตั้งรอบอนุสาวรีย์ เพื่อให้พุทธศาสนิกชนมายืนใส่บาตรข้าวสารอาหารแห้ง เพื่อความเป็นสิริมงคล ช้างที่มีพระสงฆ์นั่งบนหลังจะเดินเข้าไปรับบาตร. – สำนักข่าวไทย