ตำรวจเร่งจับโจรท้วมบุกจี้ชิงเงิน ธ.ธนชาต พระราม 3

กทม.7 ก.ย.- โจรรูปร่างท้วมบุกเดี่ยวใช้ปืนจี้ชิงเงินธนาคารธนชาต สาขาพระราม 3 กวาดเงินสดกว่า 250,000 บาท อ้างจำเป็นต้องก่อเหตุ ตำรวจเร่งติดตามจับกุม


เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน เข้าเก็บลายนิ้วมือแฝงของคนร้ายบริเวณประตูทางเข้าและหน้าเคาน์เตอร์ เพื่อตรวจยืนยันตัวบุคคลกับฐานข้อมูลประวัติอาชญากร หาตัวคนร้ายที่ลงมือก่อเหตุชิงเงินธนาคารธนชาติ สาขาพระราม 3 ได้เงินไปกว่า 257,000 บาทแล้วหลบหนี 


พลตำรวจตรีสุรชัย ควรเดชะคุปต์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล กล่าวว่า จากการดูภาพจากกล้องวงจรปิด สอบปากคำพนักงานธนาคาร และตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบคนร้ายชายอายุประมาณ 30 ปี รูปร่างท้วม ผิวดำแดง ตัดผมรองทรง ใบหน้ากลม สูงประมาณ 170 เซนติเมตร พูดภาษากลางชัดเจน แต่งกายคล้ายพนักงานส่งเอกสาร  เดินเข้ามาทำทีเป็นลูกค้าของธนาคารโดยติดต่อเป็นคนแรกเมื่อเวลาประมาณ 8 นาฬิกา 52นาที จากนั้นเดินไปที่เคาน์เตอร์ ชักอาวุธปืนลูกโม่ขึ้นมาข่มขู่พนักงานให้ส่งเงิน พร้อมกล่าวขอโทษ อ้างว่ามีความจำเป็น โดยใช้เวลาก่อเหตุประมาณ 1 นาที ก่อนเดินออกไป  จากการสอบปากคำ รปภ.ธนาคารอ้างว่าไม่ทันสังเกตว่ามีเหตุจี้ชิงเงิน จึงปฏิบัติหน้าที่และให้บริการลูกค้าไปตามปกติ และจากการสอบพนักงานธนาคาร เบื้องต้นจำได้คลับคล้ายคลับคลาว่าเห็นหน้ามาก่อน เป็นไปได้ว่าเคยมาดูลาดเลา ก่อนตัดสินใจลงมือในช่วงเวลาดังกล่าว เพราะมีคนมาใช้บริการไม่มาก ยืนยันว่าตำรวจมีภาพที่เห็นใบหน้าคนร้ายชัดเจน ขอเวลาทำงาน คาดมีข่าวดีเร็ววันนี้ 

ด้านพนักงานธนาคาร เล่าว่า ก่อนหน้านี้เคยมีเหตุจี้ชิงเงินมาแล้วครั้งหนึ่งเมื่อปี 2553 แม้คนร้ายจะมีหน้าตาไม่คล้ายคลึงกัน แต่พบว่าใส่เสื้อคลุมคล้ายพนักงานส่งเอกสารเหมือนกัน ครั้งนั้นได้เงินไปกว่า 100,000 บาท และถูกจับกุมตัวได้ เหตุการณ์วันนี้(7 ก.ย.)จำเป็นต้องปิดธนาคารชั่วคราว 1 วัน เพื่อสะสางงานเอกสารภายให้เรียบร้อย

ขณะที่พันตำรวจเอกรัชพล ชนะศรีขจร ผู้กำกับ สน.วัดพระยาไกร ยืนยันว่า มีสายตรวจ ลาดตระเวนมาดูแลความปลอดภัยเป็นระยะ เพราะทุกสถาบันการเงินอยู่ในข่ายเป็นพื้นที่เสี่ยงที่ต้องดูแลและให้ความปลอดภัยเป็นพิเศษ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเชื่อว่าคนร้ายไม่ใช่มืออาชีพ เพราะไม่มีการปิดบังหรืออำพรางใบหน้าแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม ได้แนะนำให้ทางธนาคารติดกล้องวงจรปิดเพิ่ม เพราะบางมุมไม่สามารถจับภาพผู้มาใช้บริการได้ชัดเจนเท่าที่ควร


ด้านพลตำรวจโทศานิตย์ มหถาวร ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ยังไม่ปักใจเชื่อเรื่องการหลบหนีของคนร้ายจะใช้การเดินเท้าอย่างเดียว อาจมีการนำยานพาหนะไปจอดไว้ละแวกธนาคารเพื่อไม่เป็นจุดสังเกต อย่างไรก็ตามได้สั่งการให้ฝ่ายสืบสวนเร่งแกะรอยเส้นทางหลบหนีของคนร้าย หากประชาชน พบบุคคลแต่งกายลักษณะคล้ายคนร้าย สามารถแจ้งเบาะแสไปยัง สน.วัดพระยาไกรได้ทันที.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

“เหนือ-อีสาน-กลาง” อากาศเย็น ภาคใต้ฝนตกหนัก

กรมอุตุฯ รายงานภาคเหนือ อีสาน และภาคกลาง อากาศเย็นในตอนเช้า มีฝนเล็กน้อยบางแห่ง ส่วนภาคใต้ฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ระวังน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง