สพฉ.23 ส.ค.-เลขาสพฉ.สั่งสอบสวนกรณีประชาชนร้องเรียนรถพยาบาลจากระบบ 1669 เรียกเก็บเงินญาติผู้ป่วย ยันให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย คาดรู้ผลไม่เกิน 1 เดือน ชี้หากผลสอบพบเจ้าหน้าที่ให้บริการเรียกรับเงินจริง ถูกปรับสูงสุด 1 แสนบาท ตามพ.ร.บ.การแพทย์ฉุกเฉินมาตรา 37
เรืออากาศเอกนพ.อัจฉริยะ แพงมา เลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ กล่าวถึงกรณีที่มีข้อร้องเรียนว่ามีเจ้าหน้าที่ในระบบบริการการแพทย์ฉุกเฉินเรียกเก็บเงินจากญาติผู้ป่วยในการใช้บริการสายด่วน 1669 เมื่อไม่นานมานี้ ว่า ตั้งแต่วันแรกที่เราได้รับทราบเรื่องร้องเรียนนี้ทางสื่อออนไลน์ ได้ทำการติดต่อไปยังญาติผู้ป่วยรายนั้นทันที และได้มีการสอบถามข้อมูลในเบื้องต้น ทราบว่าเป็นข้อมูลที่เป็นจริง และเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมทั้งผู้ให้บริการและทางผู้ป่วย ทางสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ จึงนำเรื่องนี้เข้าสู่กระบวนการสอบสวนเพื่อหาข้อเท็จจริง หากมีเหตุอันไม่สมควรและพบว่าเป็นเหตุที่ไม่ถูกต้องก็จะดำเนินการต่อไป
เลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติกล่าวว่า อยากประชาสัมพันธ์ถึงประชาชน ว่า ขณะนี้ สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ ได้เปิดศูนย์ประสานงานคุ้มครองสิทธิผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤติไว้ ซึ่งใช้หมายเลข 02-872-1669 ในการที่จะตอบคำถาม หรือรับเรื่องร้องเรียนจากประชาชนทั่วประเทศ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสิทธิการรักษาตามนโยบายเจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤตมีสิทธิทุกที่ ( UCEP) หรือเรื่องอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการ ยกตัวอย่าง การร้องเรียกจากญาติผู้ป่วยรายนี้ ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็น เพราะบางทีการให้บริการจำนวนมากๆ หรือมีผู้ใช้บริการ 1669 ในจำนวนมาก ในการให้บริการ อาจมีส่วนที่ดีและไม่ดี หรือไม่ถูกต้อง ซึ่งทางสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ จะเป็นตัวกลางและดูแลคุ้มครองสิทธิของประชาชน
“ข้อร้องเรียนนี้ เราต้องหาข้อเท็จจริงเพื่อให้เกิดความกระจ่าง ซึ่งในเชิงของข้อกฎหมาย สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ มีพ.ร.บ.การแพทย์ฉุกเฉินที่คอยกำกับดูแลในเรื่องนี้ รวมทั้งมีคณะกรรมการการแพทย์ฉุกเฉินที่จะมีการออกกฎหมายใหม่มาควบคุมกำกับหน่วยปฏิบัติการการแพทย์ฉุกเฉินให้ดียิ่งขึ้น ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการ พร้อมทั้งได้มอบหมายให้ทีมงานไปคุยกับทางญาติผู้ป่วย และส่วนของผู้ที่เรียกรับเงินจากญาติผู้ป่วย ซึ่งเหตุเกิดในพื้นที่กรุงเทพฯ ทางสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ จะเชิญผู้ที่เกี่ยวข้องอย่างศูนย์เอราวัณมาพูดคุยด้วย คาดว่าไม่เกิน 1 เดือนจะได้คำตอบในเรื่องนี้”เรืออากาศเอก นพ. อัจฉริยะกล่าว
อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ก็ต้องดูในข้อเท็จจริงว่ามีเหตุที่จะต้องลงโทษหรือไม่ถ้าเป็นการเข้าใจผิดก็อาจไม่มีการลงโทษ แต่หากพบว่าเจ้าหน้าที่ ที่ให้บริการมีความผิดจริงภายใต้พ.ร.บ.การแพทย์ฉุกเฉิน ตามมาตรา 37 สามารถที่จะปรับโทษทางปกครองได้ 1แสนบาท ซึ่งต้องนำเข้าสู่กระบวนการสอบสวน ซึ่งเป็นหน้าที่ของคณะกรรมการการแพทย์ฉุกเฉิน โดยขณะนี้ได้มีการตั้งคณะอนุกรรมการมาสอบสวนในเรื่องนี้แล้ว
ทั้งนี้ ปกติการโทร1669 ตามหลักการ จะให้บริการภายในพื้นที่ประมาณ 20 กิโลเมตร หมายความว่า กรณีเกิดเหตุภายใน 20 กิโลเมตรจะมีการให้บริการในการรับส่งผู้ป่วยในพื้นที่นั้นฟรี โดยไม่มีค่าใช้จ่าย บางกรณีอาจเกิดจากญาติที่ต้องการข้ามเขต ซึ่งหมายความว่า อาจจะไปตามโรงพยาบาลตามสิทธิ ซึ่งอาจจะไกลกว่า 20 กิโลเมตร ซึ่งตรงนี้ต้องมาหาข้อสรุป ว่าเกิดจากประเด็นอะไร ซึ่งอาจเกิดจากความไม่รู้ของญาติ แต่มีความประสงค์อยากไปในพื้นที่ที่ไกลกว่าพื้นที่ที่กำหนด ตรงนี้ถือเป็นโอกาสในการพัฒนาระบบการให้บริการให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น อย่างไรก็ตามในส่วนของการจำกัด 20 กิโลเมตรในการให้บริการผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤตอาจจะดีในบริบทหนึ่ง แต่กรณีการนำส่งผู้ป่วยในกลุ่มอื่นๆ อาจต้องมาดูในข้อกฎหมาย ที่จะพิจารณาให้เหมาะสมต่อไปในอนาคตได้ .-สำนักข่าวไทย