ระยอง 26 เม.ย. – กรมโรงงานอุตสาหกรรมร่วมกับตำรวจตรวจสอบสาเหตุไฟไหม้โกดังโรงงานวินโพรเสส จ. ระยอง หากพบเป็นการวางเพลิงจะแจ้งความดำเนินคดี ชี้เหตุคล้ายการลอบเผากากอุตสาหกรรมและสารเคมีอันตรายที่โกดังภาชี จ. พระนครศรีอยุธยา อีกทั้งจะส่งหนังสือให้เจ้าของทรัพย์ร่วมกันรับผิดชอบขนย้ายของเสียจากเหตุเพลิงไหม้ไปกำจัดและบำบัด
นายสุนทร แก้วสว่าง รองอธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรมกล่าวว่า จากการร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง นายอำเภอบ้านค่าย เจ้าหน้าที่สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดระยอง ฝ่ายปกครองจังหวัดระยอง และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบโกดังของบริษัท วิน โพรเสส จำกัด อำเภอบ้านค่าย จังหวัดระยองที่เหตุเพลิงไหม้ซึ่งวานนี้ยังพบจุดที่ยังมีเปลวไฟและกลุ่มควันลอยออกมาจากภายในบริเวณอาคาร กรมโรงงานอุตสาหกรรมพร้อมให้ความร่วมมือในการให้ข้อมูลกับผู้อำนวยการควบคุมสถานการณ์ฉุกเฉินในการควบคุมสถานการณ์
นอกจากนี้จะร่วมกับกรมควบคุมมลพิษตรวจวัดคุณภาพสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ที่อาจได้รับผลกระทบ โดยได้จัดส่งรถ Mobile ตรวจวัดคุณภาพอากาศรอบโรงงานที่เกิดเหตุเพลิงไหม้และในบริเวณชุมชน ตลอดจนมอบหมายให้กองวิจัยและเตือนภัยมลพิษโรงงานและศูนย์วิจัยและเตือนภัยมลพิษโรงงานภาคตะวันออกลงพื้นที่เก็บตัวอย่างน้ำและดินภายในโรงงานเพื่อตรวจวัดค่าการปนเปื้อน รวมถึงกากของเสียจากเหตุไฟไหม้
ขณะนี้กรมโรงงานอุตสาหกรรมร่วมตรวจสอบและสนับสนุนข้อมูลให้แก่สถานีตำรวจภูธรบ้านค่าย สำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 2 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) เพื่อหาสาเหตุของการเกิดไฟไหม้ หากพบเป็นการวางเพลิงจะร้องทุกข์กล่าวโทษในข้อหาวางเพลิงเพื่อทำลายของกลางในคดี พร้อมกับหาความเชื่อมโยงกับเหตุการลักลอบเผากากอุตสาหกรรมและสารเคมีอันตรายที่โกดังในอำเภอภาชี จังหวัดพระนครศรีอยุธยาซึ่งมีลักษณะคล้ายคลึงกัน
พร้อมกันนี้จะเร่งสำรวจปริมาณของเสียจากเหตุเพลิงไหม้ รวมถึงปริมาณของเสียที่คงค้างที่ยังไม่ถูกไฟไหม้เพื่อประเมินแนวทางการกำจัดและงบประมาณที่ต้องใช้ในการดำเนินการ โดยกรมโรงงานอุตสาหกรรมจะแถลงต่อศาลจังหวัดระยองเพื่อขอเบิกเงินส่วนที่เหลือจากที่บริษัท วิน โพรเสส จำกัด เคยวางศาลไว้ซึ่งเหลืออยู่ประมาณ 5 ล้านบาทซึ่งนำมาใช้จัดการของเสียเป็นกรณีเร่งด่วน
นอกจากนี้จะมีหนังสือให้ บริษัท วินโพรเสส จำกัดและบริษัท บริหารสินทรัพย์ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย จำกัดซึ่งเป็นเจ้าของทรัพย์ร่วมกันรับผิดชอบดำเนินการขนย้ายของเสียจากเหตุเพลิงไหม้ไปกำจัดและบำบัด ตลอดจนของบกลาง 2567 เพื่อใช้ในการจัดการของเสียส่วนที่เหลือซึ่งในการของบกลางจะใช้เวลาประมาณ 3 เดือน
รองอธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรมย้ำว่า จะดำเนินคดีตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ถึงที่สุดเพื่อไม่ให้เป็นแบบอย่างกับโรงงานที่ประกอบกิจการจำพวกนี้หรือคิดที่จะก่อเหตุแบบนี้ขึ้นอีกต่อไป. – 512 – สำนักข่าวไทย