กมธ.ถ่ายโอนธุรกิจกองทัพฯ บุกกลาโหม

กลาโหม 25 ธ.ค.-กรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการถ่ายโอนธุรกิจของกองทัพฯ บุกกลาโหม ขณะ “บิ๊กอ้วน” ยืนยันความโปร่งใส ระบุสวัสดิการต่างๆ ของกองทัพต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ “ธนาธร” ร่วมวงแต่ หลบสื่อ

นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ประชุมร่วมกับ นาย จิรายุ ห่วงทรัพย์ ประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการถ่ายโอนธุรกิจของกองทัพไปอยู่ในความดูแลของหน่วยงานอื่นหรือย้ายไปสถานที่อื่นที่เหมาะสม และคณะกรรมาธิการฯ เพื่อติดตามการดำเนินงานของ กระทรวงกลาโหม พร้อมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นต่างๆระหว่างกัน เพื่อให้การดำเนินงานมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น


โดย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เปิดเผยภายหลังประชุม ว่าขอบคุณทุกข้อซักถามและข้อเสนอแนะ เนื่องด้วยเวลาอาจจะน้อยยังขาดอีกบางเรื่องที่ยังไม่สามารถหาข้อสรุปได้ ทั้งนี้หากเปรียบเทียบกับปี๊บหนึ่งใบมองจากสิ่งเดียวกันจะมีทิศทางการมองที่ไม่เหมือนกัน เพราะว่าข้อเท็จจริงของแต่ละด้านอาจจะไม่ไม่ตรงกันไม่เท่ากัน แต่เรายินดีรับฟัง เพื่อมาประกอบการมองทุกอย่างให้ครบถ้วน โดยปัญหาส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องของความโปร่งใสและเศรษฐกิจ ความมั่นคง สำหรับเรื่องของความโปร่งใสกระทรวงกลาโหมไม่มีปัญหาอยู่แล้วเราก็ยังจะทำทุกอย่างมีความชัดเจน ในเรื่องกฎหมายก็ต้องทำ ให้ครบถ้วนตามกฎหมาย อีกทั้งข้อสังเกตอื่นๆเราก็จะใช้เป็นข้อพิจารณาเพื่อให้ครบถ้วนรอบด้านมากยิ่งขึ้น รวมถึงผลประโยชน์ทั้งหลาย ตนเองคิดว่าเรารับฟังและเรานำมาทบทวนอะไรที่คิดว่าทำได้ ตนเองไม่มีปัญหาพร้อมเชื่อว่ากองทัพและผู้บังคับบัญชาระดับสูง ก็ยอมรับในการพิจารณาในมิติที่โลกเปลี่ยนแปลงไปก็คิดทั้งนี้ ขอบคุณคณะกรรมธิการวิสามัญที่มามาเยี่ยมเราได้คุยกันว่าถ้าเรามีโอกาสได้คุยกันมองจากจุดท้ายและแลกเปลี่ยนกันก็จะเกิดบรรยากาศที่ดีไม่อยากให้เป็นบรรยากาศที่ตั้งแท่นกัน ซึ่งทุกฝ่ายก็เห็นพ้องกันว่าเราคุยกันได้มากขึ้นรับฟังความเห็นที่แตกต่างกันมากขึ้นและควรได้ข้อสรุปที่ดี สำหรับการแก้ไขปัญหาให้กับประเทศชาติ โดย ตนเองมีความยินดีหากนัดพบกันเพื่อกินข้าวพูดคุยกัน

ขณะที่ นายจิรายุ กล่าวว่าวันนี้เดินทางมาในนามของประธานคณะกรรมาธิการ ได้ลงพื้นที่ไปดูเหนืออีสานกลางใต้ในธุรกิจของกองทัพโดยในวันนี้ได้มาพบกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เพื่อพูดคุยถึงสภาพปัญหาที่พบเกี่ยวกับธุรกิจของกองทัพซึ่งวันนี้ถือมีความคืบหน้าเป็นอย่างมากในเรื่องของไฟฟ้าที่อำเภอสัตหีบจังหวัดชลบุรี โดยทราบกันดีอยู่แล้วว่า เป็นอำเภอเดียวของประเทศไทย ที่ไม่ได้ใช้ไฟฟ้าของ การไฟฟ้าส่วน ภูมิภาค ซึ่งวันนี้ในส่วนของกลาโหมมีความคืบหน้าเป็นอย่างมาก


นอกจากนี้ ยังมีเรื่องของสนามบินดอนเมืองที่หลายคนได้ติดตามก็คือสนามกอล์ฟ ที่อยู่ใกล้เคียงกับสนามบินดอนเมือง โดยที่ที่ผ่านมามีข้อดำริว่า อยากส่งมอบคืนให้กับท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย เนื่องจากในพื้นที่ตรงนั้น เป็นพื้นที่ของกองทัพอากาศ ซึ่งในวันนี้ได้มีการพูดคุยกัน เพื่อหาข้อยุติว่าถ้าส่งมอบคืนแล้ว อันไหนจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศไทยมากที่สุด และในเรื่องของความมั่นคงนั้น จะอยู่ระหว่างเศรษฐกิจ หรือ การขยายสนามบิน หรือ การเพิ่มจำนวนผู้โดยสารหรือไม่อย่างไร ส่วนที่สองก็คือสนามกอล์ฟทูปเตมีย์ คณะกรรมาธิการมีความเห็นว่าส่วนหนึ่งสามารถนำไปทำสวนสาธารณะได้ก็จะเป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาของกองทัพอากาศ โดยกองทัพอากาศก็ได้พิจารณาอย่างชัดเจนว่าเป็นพื้นที่ของความมั่นคง ทั้งนี้ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ

อีกทั้งยังมีเรื่องอื่นๆ อาทิ เรื่องของสนามกอล์ฟ โรงแรมสนามมวย และเรื่องของกิจการน้ำมัน และเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวของเหล่าทัพ ซึ่งวันนี้ต้องขอขอบคุณรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และผู้แทนจากกระทรวงกลาโหมที่มาชี้แจงได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะเป็นนิมิตหมายอันดี เพื่อส่งเสริมระบอบประชาธิปไตยที่มีกลไกในการทวงคืนของฝ่ายนิติบัญญัติ และฝ่ายบริหารธุรการ รวมทั้งต้องปรับเปลี่ยนรูปแบบจากการจัดกิจการสวัสดิการภายในหน่วยบางกิจการ ที่มีบุคคลทั่วไปเข้าใช้เป็นจำนวนมาก เป็น การจัดสวัสดิการในเชิงธุรกิจ เพื่อให้มีความถูกต้องและเป็นไป ตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการจัดสวัสดิการภายในส่วนราชการ พ.ศ. ๒๕๔๔๗ และจำแนกประเภท การจัดสวัสดิการออกเป็น การจัดสวัสดิการภายในหน่วย และการจัดสวัสติการในเชิงธุรกิจอย่างชัดเจน

สำหรับนโยบายเกี่ยวกับที่ดินที่อยู่ในการดูแลของเหล่าทัพ ซึ่งกองทัพมีที่ดินในความครอบครอง ดูแล และใช้ประโยชน์ รวมทั้งสิ้นประมาณ 5.9 ล้านไร่ โดยส่วนใหญ่ใช้ประโยชน์เป็นที่ตั้งหน่วย พื้นที่ฝึก และดำเนินการตามภารกิจของกองทัพบก ซึ่งปัจจุบันมีประชาชนเข้าใช้ประโยชน์โดยไม่ได้รับอนุญาตและจัดให้เช่าแล้วบางส่วน และยังอยู่ในกระบวนการพิสูจน์สิทธิ เนื้อที่รวมประมาณ 12 ล้านไร่เศษ อย่างไรก็ตาม หากพิสูจน์สิทธิแล้วพบว่า ประชาชนอยู่มาก่อนการเป็นที่ดินของรัฐ กองทัพเคารพสิทสิทธิดังกล่าว โดยประชาชนสามารถไปออกเอกสารสิทธิตามขั้นตอนได้ แต่หากพบว่าสิทธิในที่ดินเป็นของรัฐ กองทัพก็พร้อม ที่จะแก้ไขปัญหาโดยการให้ประชาชนยื่นขอเช่ากับ กรมธนารักษ์ ให้ถูกต้องตามกระบวนการของกฎหมายต่อไปในพื้นที่ที่กองทัพยังไม่ได้ใช้ประโยชน์


สำหรับที่ดินที่กองทัพไม่ได้ใช้ประโยชน์ คือที่ดินที่ส่วนราชการภายนอก ขอใช้ประโยชน์จากกองทัพ และที่ดินที่ประชาชนเข้าใช้ประโยชน์โดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่ง พื้นที่ดังกล่าว กองทัพบก ต้องสงวนไว้ใช้ประโยชน์ สำหรับการฝึกในด้านต่างๆ ต่อไปในอนาคต เมื่อมีความจำเป็น การดำเนินการนำที่ดินไปให้ประชาชนเช่าใช้ประโยชน์ตามนโยบายรัฐบาล ในระยะที่ 1 ห้วงปีงบประมาณ 2567 เหล่าทัพได้ยินยอมให้กรมธนารักษ์ ได้นำพื้นที่ไปจัดให้ประชาชนเช่า เพื่อเป็นที่อยู่อาศัย และทำการเกษตรแล้วจำนวน 16,000 ไร่เศษ และปัจจุบันอยู่ระหว่างดำเนินการในระยะที่ 2 เนื้อที่รวมประมาณ 59,000 ไร่เศษ

ทั้งนี้ ในการประชุมดังกล่าว นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าคณะก้าวหน้า เดินทางมาด้วย แต่ได้หลบฉาก และไม่ได้ให้สัมภาษณ์ สื่อแต่อย่างใด.-313.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

ศาลอาญาฯ อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว “ไฮโซลูกนัท”

กรุงเทพฯ 7 ส.ค. – ศาลอาญาพระโขนง อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว “ไฮโซลูกนัท” ตีราคาประกัน 100,000 บาท หลังตำรวจนำตัวฝากขัง คดียาเสพติด และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ พนักงานสอบสวน สน.คลองตัน ยื่นคำร้องต่อศาลอาญาพระโขนง ฝากขังครั้งที่ 1 นายธนัตถ์ หรือ ไฮโซลูกนัท อายุ 33 ปี ผู้ต้องหาคดีกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ โดยศาลอนุญาตฝากขังตามคำร้อง ซึ่งวันนี้ผู้ต้องหาได้ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราว ศาลพิจารณาแล้วมีคำสั่งอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว ตีราคาประกัน 100,000 บาท โดยผู้ต้องหานำเงินสดเป็นหลักประกันตนเอง.-สำนักข่าวไทย

รมว.ต่างประเทศ ย้ำทูตไทยทั่วโลกแจงผลประชุม GBC

7 ส.ค. – รมว.ต่างประเทศ ถกทูตไทยทั่วโลก ชื่นชมผลประชุม GBC กำชับทูตไทยทั่วโลกทำงานเชิงรุก เดินหน้าชี้แจงข้อเท็จจริง บนพื้นฐานของหลักฐานเชิงประจักษ์ ชี้ “ความจริงจะชนะทุกสิ่ง” นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นประธานการประชุมแบบออนไลน์ ร่วมกับ เอกอัครราชทูตไทย ผู้แทนสถานเอกอัครราชทูต และคณะผู้แทนถาวรไทยในต่างประเทศจาก 70 ประเทศทั่วโลก และกรมต่างๆ เพื่อชี้แจงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ทั้งผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป General Border Committee หรือ GBC ที่ประเทศมาเลเซีย พร้อมมอบนโยบายและแนวทางในการดำเนินการของกระทรวงฯ และสำนักงานในต่างประเทศ เพื่อแก้ไขปัญหาสถานการณ์ชายแดนดังกล่าวอย่างบูรณาการร่วมกัน นายมาริษ กล่าวถึงผลของการประชุม GBC และข้อตกลงที่เห็นพ้องร่วมกันทั้ง 13 ข้อ ว่าเป็นพัฒนาการและก้าวสำคัญสำหรับการเจรจาการหยุดยิง บรรลุเป้าหมายที่ต้องการในเบื้องต้น ซึ่งต้องขอบคุณมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และจีน ณ ที่นี้ด้วย โดยกระทรวงพร้อมให้การสนับสนุนกระทรวงกลาโหมในการดำเนินการเจรจาต่อไป ซึ่งที่ผ่านมาได้สนับสนุนการดำเนินงานของกระทรวงกลาโหม และทำงานร่วมกันอย่างใกล้ ตั้งแต่การเป็นฝ่ายเลขาฯ การร่างเพื่อเสนอกรอบข้อตกลง โดยหลังจากนี้ไทยพร้อมเปิดรับการเจรจาทวิภาคีผ่านช่องทางทางการทูต เพื่อสนับสนุนภารกิจของกระทรวงกลาโหม ภายใต้เงื่อนไขว่าฝ่ายกัมพูชาเคารพและดำเนินการตามข้อตกลงของการเจรจาหยุดยิงต่อไป […]

ชาวบ้านยังไม่วางใจ แม้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง

อุบลราชธานี 7 ส.ค. – ชาวบ้านในพื้นที่ชายแดน จ.อุบลราชธานี ยังไม่วางใจสถานการณ์ แม้ผลประชุม GBC ไทย-กัมพูชา ทั้ง 2 ชาติเห็นพ้องข้อตกลงหยุดยิงแล้ว ค่ำคืนนี้หลายหมู่บ้านยังคงมีคำเตือนให้ออกนอกพื้นที่ หลังบางส่วนทยอยกลับเข้ามา .-สำนักข่าวไทย

กต.อัปเดตสถานการณ์ไทย-กัมพูชา กับทูตไทยทั่วโลก

กระทรวงการต่างประเทศ 7 ส.ค. – กต. นำผลประชุม GBC อัปเดตสถานการณ์ไทย-กัมพูชา กับทูตไทยทั่วโลก เพื่อชี้แจงรัฐบาล-องค์การระหว่างประเทศ พร้อมประเมินระดับความเข้าใจของนานาชาติถึงสถานการณ์ ป้องกันการบิดเบือนข้อมูล นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงข่าวเกาะติดพัฒนาการสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยได้สรุปผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee : GBC) ไทย-กัมพูชา สมัยวิสามัญ ซึ่งนำโดย พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม หัวหน้าคณะผู้แทนไทย โดยมีผู้แทนจากมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และจีน ร่วมสังเกตการณ์ ซึ่งการประชุมเป็นกลไกหารือทวิภาคีระหว่างไทย-กัมพูชา ทั้งนี้ ก่อนการประชุม GBC ประธาน GBC ของทั้ง 2 ฝ่าย ได้เข้าเยี่ยมคารวะ นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย โดยได้ยืนยันว่ามาเลเซีย รวมถึงประเทศสมาชิกอาเซียนต่างๆ เห็นตรงกันว่าสนับสนุนให้ใช้กลไกทวิภาคีแก้ไขปัญหาระหว่างไทย-กัมพูชา สอดคล้องกับท่าทีของไทย ทั้ง 2 ฝ่ายตกลงปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด โดยไม่เสริมกำลังเพิ่ม หลีกเลี่ยงการกระทำที่ยั่วยุทั้งทางการทหาร […]