ลุยตรวจปั๊มน้ำมันทั่วประเทศ สร้างความเป็นธรรม ปชช.

นนทบุรี 3 เม.ย.-รองอธิบดีกรมการค้าภายใน จับมือ พลังงาน-มหาดไทย ลุยตรวจปั๊มน้ำมันทั่วประเทศ หวังสร้างความเป็นธรรมให้กับประชาชน ช่วงเดินทางท่องเที่ยวเทศกาลสงกรานต์ ย้ำพบปั๊มเติมน้ำมันผิดปกติแจ้งสายด่วน 1569 ได้ทันที


ร้อยตรีจักรา ยอดมณี รองอธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า ตามข้อสั่งการของนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ให้กรมการค้าภายในและสำนักงานพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศตรวจสอบสถานีบริการน้ำมัน โดยเน้นพื้นที่ที่เป็นเส้นทางผ่านไปยังจังหวัดต่างๆ และแหล่งท่องเที่ยวที่จะมีผู้ใช้บริการจำนวนมาก เพื่อดูแลประชาชนที่เดินทางโดยรถยนต์ช่วงเทศกาลสงกรานต์ กรมฯ ได้จัดชุดเฉพาะกิจตรวจสอบหัวจ่ายสถานีบริการน้ำมัน โดยประสานไปยังกรมธุรกิจพลังงาน กระทรวงพลังงาน ผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด และผู้ค้าน้ำมันแบรนด์ต่างๆ เพื่อจัดเจ้าหน้าที่เข้าร่วมกันตรวจสอบ ซึ่งได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี

อย่างไรก็ตาม โดยเมื่อวันที่ 1 เมษายน 67 ได้นำเจ้าหน้าที่กรมการค้าภายในลงพื้นที่ ร่วมกับกรมธุรกิจพลังงาน โดยมี นางสิริญญา ชูเวทย์ ผู้อำนวยการกองความปลอดภัยธุรกิจน้ำมัน ตรวจสอบหัวจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิง ที่สถานีบริการน้ำมัน Shell สาขาพระราม 2 และสถานีบริการน้ำมัน บางจาก สาขาพระราม 2 เขตแสมดำ ซึ่งอยู่บนเส้นทางเดินทางไปยังจังหวัดทางภาคใต้ และวันที่ 2 เมษายน 67 ได้ร่วมกับนายสาธิต กล่อมสวัสดิ์ พาณิชย์จังหวัดสมุทรปราการ และผู้แทนจากสำนักงานพลังงานจังหวัดสมุทรปราการ ตรวจสอบหัวจ่ายสถานีบริการ PT บางนา-ตราด กม.19 และ สถานีบริการ ปตท. บางนา-ตราด กม.34  จ.สมุทรปราการ ซึ่งอยู่บนเส้นทางเดินทางไปยังจังหวัดทางภาคตะวันออก พบว่า หัวจ่ายน้ำมันถูกต้องตามที่กฎหมายกำหนด รวมทั้งมีเครื่องหมายคำรับรองชนิดชีลติดอยู่อย่างถูกต้อง 


ทั้งนี้ การตรวจสอบของชุดเฉพาะกิจดังกล่าว เป็นดำเนินการเพิ่มเติมนอกเหนือจากการตรวจสอบปกติของเจ้าหน้าที่ โดยตั้งแต่วันที่ 25 มี.ค. – 1 เม.ย. 2567 ชุดเฉพาะกิจฯ ได้ตรวจไปแล้วจำนวน 840 สถานี 17,005 หัวจ่าย ถูกต้อง 838 สถานี 16,981  หัวจ่าย ผิด 2 สถานี 24 หัวจ่าย เป็นกรณีสิ้นอายุคำรับรอง ซึ่งได้ดำเนินคดีแล้ว และขอเน้นย้ำให้สถานีบริการน้ำมันปฏิบัติให้ถูกต้องและตรวจสอบหัวจ่ายที่อยู่ในความดูแลอย่างสม่ำเสมอ หากพบการกระทำความผิดจะดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด กรณีใช้หัวจ่ายที่ความคลาดเคลื่อน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับ ไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และกรณีดัดแปลงหัวจ่ายให้มีความคลาดเคลื่อนต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี และปรับไม่เกิน 280,000 บาท หากประชาชนพบว่าสถานีบริการน้ำมันแห่งใดใช้หัวจ่ายที่ไม่ถูกต้อง หรือไม่ได้รับความเป็นธรรม สามารถแจ้งร้องเรียนได้ที่สายด่วนกรมการค้าภายใน 1569 หรือทางแอปพลิเคชันไลน์ @MR.DIT.-514-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

“เหนือ-อีสาน-กลาง” อากาศเย็น ภาคใต้ฝนตกหนัก

กรมอุตุฯ รายงานภาคเหนือ อีสาน และภาคกลาง อากาศเย็นในตอนเช้า มีฝนเล็กน้อยบางแห่ง ส่วนภาคใต้ฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง ระวังน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง