ทอท.ตรวจเยี่ยมท่าอากาศยานดอนเมือง

กรุงเทพฯ 12 เม.ย. – กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ AOT ตรวจเยี่ยมการเตรียมพร้อมอำนวยความสะดวกและความปลอดภัย เพื่อรองรับการเดินทางของผู้โดยสารในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2567 ณ ท่าอากาศยานดอนเมือง


นายกีรติ กิจมานะวัฒน์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. พร้อมด้วย นายวิจิตต์ แก้วไทรเทียม ผู้อำนวยการท่าอากาศยานดอนเมือง ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการเตรียมพร้อมอำนวยความสะดวกและความปลอดภัย เพื่อรองรับการเดินทางของผู้โดยสารในช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2567 ณ ท่าอากาศยานดอนเมือง (ทดม.) ตามนโยบายของนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม “เดินทางทั่วไทย คมนาคม สะดวก ปลอดภัย ใส่ใจให้บริการประชาชน” ตั้งแต่บริเวณอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ อาคารผู้โดยสารภายในประเทศ และบริเวณช่องทาง PASSENGER DROP LANE พร้อมเยี่ยมให้กำลังใจทุกหน่วยงานที่ปฏิบัติงานภายในท่าอากาศยาน โดยเน้นย้ำให้บูรณาการความร่วมมือระหว่างหน่วยงานราชการ สายการบิน บริษัทผู้ให้บริการภาคพื้น และผู้ประกอบการที่ปฏิบัติงาน ณ ทดม. เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้โดยสารให้ได้รับการบริการที่สะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย พร้อมเดินทางกลับภูมิลำเนาและท่องเที่ยวด้วยความสุขทุกเส้นทาง

นายกีรติ กล่าวว่า จากมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวของรัฐบาล ส่งผลให้มีผู้โดยสารและนักท่องเที่ยวมีความต้องการเดินทางเป็นจำนวนมาก โดยคาดการณ์จำนวนผู้โดยสารในภาพรวมที่เดินทางผ่าน ทดม. ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ระหว่างวันที่ 11-17 เมษายน 2567 (รวม 7 วัน) รวมทั้งสิ้นประมาณ 625,530 คน หรือเฉลี่ยวันละประมาณ 89,362 คน แบ่งเป็นผู้โดยสารระหว่างประเทศ (ขาเข้า-ขาออก) จำนวน 256,308 คน และผู้โดยสารภายในประเทศ (ขาเข้า-ขาออก) จำนวน 369,222 คน เพิ่มขึ้นจากช่วงเทศกาลสงกรานต์ของปีก่อนร้อยละ 14.81


ประมาณการเที่ยวบินในช่วงเวลาดังกล่าวคาดว่าจะมีเที่ยวบินรวมทั้งสิ้น 4,117 เที่ยวบิน หรือเฉลี่ยวันละ 590 เที่ยวบิน แบ่งเป็นเที่ยวบินระหว่างประเทศ (ขาเข้า-ขาออก) จำนวน 1,685 เที่ยวบิน และเที่ยวบินภายในประเทศ (ขาเข้า-ขาออก) จำนวน 2,432 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้นจากช่วงเทศกาลสงกรานต์ของปี 2566 ร้อยละ 10.58

ทดม. จึงนำนวัตกรรมเทคโนโลยีมาใช้เพื่อยกระดับประสิทธิภาพการจัดการท่าอากาศยาน ด้วยการนำระบบ Airport Collaborative Decision Making (A-CDM) มาใช้เป็นการจัดการข้อมูล เพื่อใช้ในการตัดสินใจร่วมกันของทุกภาคส่วน ตั้งแต่ผู้ปฏิบัติงานในท่าอากาศยาน หน่วยงานราชการ สายการบิน และผู้ประกอบการ สามารถนำข้อมูลมาใช้ในการบริหารงานให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด พร้อมทั้งนำระบบบริการผู้โดยสารขึ้นเครื่องเข้ามาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการให้บริการด้วยความสะดวก รวดเร็ว และบรรเทาความหนาแน่นของผู้โดยสารในชั่วโมงเร่งด่วน รวมถึงช่วยลดระยะเวลารอคอย ไม่ต้องเสียเวลาต่อคิว เช่น ระบบเช็กอินด้วยตนเองอัตโนมัติ (Common Use Self Service : CUSS) ระบบรับกระเป๋าสัมภาระอัตโนมัติ (Common Use Bag Drop : CUBD) ระบบตรวจสอบยืนยันตัวตนผู้โดยสาร (Passenger Validation System : PVS) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษาความปลอดภัยท่าอากาศยาน และมีการนำแอปพลิเคชัน “SAWASDEE by AOT” เข้ามาช่วยอำนวยความสะดวกผู้โดยสารในการตรวจสอบบริการต่างๆ ภายในท่าอากาศยาน ช่วยให้ผู้โดยสารวางแผนและป้องกันความผิดพลาดในการเดินทาง

นอกจากนี้ ทดม. เปิดห้อง Single Command เพื่อบรูณาการความร่วมมือระหว่างหน่วยงาน และกำกับดูแลความหนาแน่นของผู้โดยสารผ่านระบบ REAL-TIME Passenger Tracking System (RTPTS) เพื่อให้การบริหารจัดการกระบวนการให้บริการผู้โดยสารมีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งจัดเจ้าหน้าที่ตรวจสอบพฤติกรรมบุคคลและบันทึกภาพผ่านกล้อง CCTV รวมถึงการจัดเตรียมเจ้าหน้าที่จราจรอำนวยความสะดวกการจราจรในเขตท่าอากาศยาน เพื่อให้รถยนต์ขับเคลื่อนเข้า-ออกท่าอากาศยาน ตลอด 24 ชั่วโมง ได้อย่างรวดเร็ว


นายกีรติ กล่าวตอนท้ายว่า สำหรับการเดินทางเข้า-ออก ทดม. ผู้โดยสารสามารถเลือกใช้บริการระบบขนส่งสาธารณะที่เชื่อมต่อกับท่าอากาศยานได้หลายรูปแบบ เช่น รถไฟฟ้าสายสีแดง (RED Line SRTET) รถโดยสาร ขสมก. สาย A1, A2, A3 และ A4 รถรับจ้าง Grab Car และรถแท็กซี่สาธารณะ เพื่อความสะดวกรวดเร็วในการเดินทางมาใช้บริการ

ทั้งนี้ ขอความร่วมมือผู้โดยสารเผื่อเวลาเดินทางมาสนามบินก่อนเวลาเครื่องออกอย่างน้อย 3 ชั่วโมง สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์ประชาสัมพันธ์ ทดม. หมายเลขโทรศัพท์ 0 2535 1192 ตลอด 24 ชั่วโมง.-513-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เมียติด GPS รถผัว ตามง้อถึงบ้าน ฝ่ายชายเมิน ยิงดับ

ภรรยาติด GPS รถสามี ตามง้อไม่สำเร็จ ซัดด้วยลูกโม่ตายคาใต้ถุนบ้าน คาดปมทะเลาะหึงหวง คิดจบชีวิตตัวเองตาม แต่พ่อสามียึดปืนไว้ทัน

ครูสูญเงิน 1.2 ล้านบาท มิจฉาชีพหลอกเป็นที่ดิน-จนท.ธนาคาร

ครูสาวชาวอุบลราชธานี ถูกมิจฉาชีพอ้างตัวเป็นหน่วยงานราชการ และเจ้าหน้าที่ธนาคาร ใช้เบอร์ธนาคารโทรหาจึงหลงเชื่อ สูญเงินกว่า 1.2 ล้านบาท

สุราษฎร์ฯ คลื่นลมแรง น้ำทะเลหนุนสูงท่วมบ้าน-รีสอร์ต

ฝนตกหนัก-คลื่นลมแรง น้ำทะเลหนุนสูงซัดบ้านพัก-รีสอร์ต อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี พังเสียหาย 4 หลัง เตือนเรือประมงงดออกจากฝั่ง

New threats in Los Angeles as wildfire switches direction

ไฟป่าแอลเอเปลี่ยนทิศสร้างปัญหาใหม่

ลอสแอนเจลิส 12 ม.ค.- รัฐแคลิฟอร์เนียของสหรัฐเกิดภัยคุกคามใหม่วานนี้ เมื่อไฟป่าที่โหมไหม้เผาหลายพื้นที่ทั่วเทศมณฑลลอสแอนเจลิสหรือแอลเอเคาน์ตี้ได้เปลี่ยนทิศทาง ทำให้ต้องสั่งอพยพประชาชนเพิ่มเติม และกลายเป็นปัญหาท้าทายใหม่สำหรับทีมนักดับเพลิง พื้นที่เขตแคลิฟอร์เนียใต้เผชิญไฟป่ามาตั้งแต่วันที่ 7 มกราคม โดยเกิดไฟป่าพร้อมกัน 6 จุดทั่วแอลเอเคาน์ตี้ ทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 11 คน  ผู้สูญหาย 13 คน  บ้านเรือนและสิ่งปลูกสร้างเสียหายหรือถูกทำลายรวมแล้วกว่า 10,000 หลัง คาดว่าความเสียหายทั้งต่อชีวิตและทรัพย์สินจะเพิ่มขึ้นอีก เมื่อเจ้าหน้าที่สามารถเข้าตรวจสอบพื้นที่ประสบภัยได้อย่างละเอียด ขณะนี้ยังคงมีประชาชน 153,000 คนอยู่ภายใต้คำสั่งอพยพ และอีก 166,800 คน เสี่ยงต้องอพยพเนื่องจากมีการประกาศเคอร์ฟิวในทุกพื้นที่ที่มีการอพยพประชาชนหนีไฟป่า ขณะเดียวกันเครื่องบินกองทัพอากาศของเม็กซิโกได้ออกเดินทางมุ่งหน้าสู่รัฐแคลิฟอร์เนียของสหรัฐเมื่อวานนี้ เพื่อนำทีมบุคคลากร 74 คนจากกองทัพบกและคณะกรรมาธิการป่าไม้แห่งชาติ ไปช่วยปฏิบัติการดับไฟป่าที่กำลังลุกไหม้ลามไม่หยุดทั่วเขตแคลิฟอร์เนียใต้ ภารกิจด้านมนุษยธรรมดังกล่าวครอบคลุมทั้งปฏิบัติการดับไฟป่าและปกป้องพลเรือน ขณะที่กงสุลเม็กซิโกในเมืองแอลเอประกาศไม่ปิดทำการและเสนอให้ที่พักพิงกับผู้ประสบภัยชาวเม็กซิโก ไม่ว่าจะมีสถานะเป็นผู้อพยพหรือไม่ ปัจจุบันมีชาวเม็กซิโกหรือลูกหลานชาวเม็กซิโกอาศัยอยู่ในรัฐแคลิฟอร์เนียคิดเป็นเกือบร้อยละ 30 ของประชากรทั้งรัฐ.-820(814).-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

Satellite images show Palisades Fire

ไฟป่าแอลเอเหลือเผาไหม้รุนแรง 3 จุด

ไฟป่าในเทศมณฑลลอสแอนเจลิส หรือแอลเอเคาน์ตี้ ของสหรัฐ ยังเหลือลุกไหม้รุนแรงอยู่ 3 จุด ภัยคุกคามจากไฟป่ายังคงสูงจนถึงวันพุธ เนื่องจากกระแสลมพัดกระโชกแรง

ดอยอินทนนท์หนาวจัด

อากาศหนาวปกคลุมภาคเหนือ ยอดดอยอินทนนท์ อุณหภูมิเหลือ 1 องศาฯ

อากาศหนาวระลอกใหม่ปกคลุมภาคเหนือ ทำให้ยอดดอยอินทนนท์ อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ อุณหภูมิลดลงเหลือแค่ 1 องศาฯ ส่วนจุดชมวิวกิ่วแม่ปาน เช้าวันนี้ (13 ม.ค.) อุณหภูมิ 5 องศาฯ นักท่องเที่ยวรอชมแสงแรกจนเต็มพื้นที่

อุตุฯ เผยเหนือ-อีสานตอนบน หนาวจัด กทม.อุณหภูมิต่ำสุด 16 องศาฯ

กรมอุตุฯ เผยภาคเหนือตอนบน ภาคอีสานตอนบน อากาศหนาวจัด ส่วนประเทศไทยตอนบน ภาคใต้ตอนบน อุณหภูมิจะลดลงอีกเล็กน้อยกับมีลมแรง กรุงเทพฯ-ปริมณฑล อากาศเย็นกับมีลมแรง อุณหภูมิต่ำสุด 16-19 องศาฯ

รถรางโดยสารชนกันในฝรั่งเศส บาดเจ็บ 68 คน

รถรางโดยสาร 2 ขบวน ชนประสานงากันในเมืองสตราสบูร์ก ทางตะวันออกของฝรั่งเศส เมื่อวันเสาร์ ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บอย่างน้อย 68 คน