โรงแรมมิราเคิล 9 ธ.ค.-“ชัยชนะ” มอง “เฉลิมชัย” เหมาะสมนั่งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ชี้มีคุณสมบัติยุติความขัดแย้งได้ เชื่อเลือกหัวหน้า-กก.บห. พรรค ปชป. วันนี้ ราบรื่น ลั่นหากรักพรรคจริง ใครเป็นผู้นำต้องทำงานร่วมได้
นายชัยชนะ เดชเดโช สส.นครศรีธรรมราช ในฐานะรักษาการรองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมวิสามัญพรรค ครั้งที่ 3 ณ โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ ว่า สมาชิกพรรคผู้มีสิทธิเลือกตั้งคณะกรรมการบริหารพรรคและหัวหน้าพรรคควรรู้หน้าที่ของตน เนื่องจากพรรคเป็นสถาบันการเมือง หากมีการประชุมมีการล่มจะเป็นแบบอย่างให้ประชาชนได้อย่างไร ตนเชื่อว่าการเลือกคณะกรรมการบริหารจะผ่านไปอย่างราบรื่น
“ถ้าทุกคนบอกว่ารักพรรคก็ต้องให้พรรคเดินไปได้ เนื่องจากพรรคประชาธิปัตย์เป็นองค์กร 4 ปี ต้องเปลี่ยนผู้นำองค์กรหนึ่งครั้ง ดังนั้น หากเราอยู่ใต้องค์กรนี้ไม่มีอะไรได้ดั่งใจ 100% ใครเป็นผู้นำองค์กรก็ต้องทำงานร่วมกันให้ได้” นายชัยชนะ กล่าว
เมื่อถามถึงความขัดแย้งของพรรคในการเลือกหัวหน้าและกรรมการบริหารของพรรคประชาธิปัตย์ นายชัยชนะ กล่าวว่า พรรคเปิดโอกาสให้ทุกคนลงสมัครหัวหน้าและคณะกรรมการบริหารพรรคตามสิทธิเสรีภาพของผู้มีคุณสมบัติที่กำหนด รวมถึงผู้ไม่มีคุณสมบัติพรรคก็เปิดโอกาสเช่นกัน จึงไม่สามารถเรียกความขัดแย้ง เพราะเราเป็นพรรคประชาธิปไตย
ส่วน นางสาววทันยา บุนนาค หรือ มาดามเดียร์ ประธานคณะทำงานนวัตกรรมการเมือง กทม. ต้องการลงชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กลับขาดคุณสมบัติตามข้อกำหนดของพรรค จึงต้องได้มติเห็นชอบ 3 ใน 4 ขององค์ประชุม อนุญาตให้ลงชิงตำแหน่งได้ นายชัยชนะ กล่าวว่า พรรคเราไม่มีเจ้าของพรรค ต้องเปิดโอกาสให้กับคนทุกคนที่มีความปรารถนาดีต่อพรรคให้มีโอกาสได้รับโอกาสในการโหวตชิงตำแหน่ง แต่จะเลือกใครเป็นหัวหน้าพรรคเป็นอีกเรื่อง
ส่วนกรณีที่ทาง สส. และตัวแทนสาขาพรรคได้บอกไปแล้วว่าจะเชิญนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รักษาการเลขาธิการพรรคและรักษาการหัวหน้าพรรคมาลงสมัครหัวหน้าพรรคนั้น ท่านจะตัดสินใจรับหรือไม่รับก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของท่าน ซึ่ง สส. ได้ทำหน้าที่แสดงจุดยืนแล้วว่า นายเฉลิมชัยมีความเหมาะสม สามารถยุติความขัดแย้งได้มากที่สุด แต่ก็เชื่อว่าปัญหาภายในพรรคจะไม่จบ 100% แต่คิดว่าจะมีความขัดแย้งน้อยที่สุด วันนี้เราต้องเลือกสิ่งที่ดีที่สุด
อย่างไรก็ตาม ไม่มีคำว่าสำรองหากนายเฉลิมชัยไม่รับ สส. ก็ต้องมาคุยกันว่าจะสนับสนุนใครและในส่วนของสาขาพรรค ก็ต้องหารือกันว่ามีใครบ้างที่แสดงความจำนง ซึ่งคิดว่าคนที่ถูกเสนอชื่อในที่ประชุมมีความสามารถทุกคนและมีความเหมาะสม แต่การเลือกตั้งเลือกได้เพียงคนเดียวก็ต้องพิจารณาว่าใครที่เหมาะสมกับสถานการณ์นี้มากกว่า.-318.-สำนักข่าวไทย