เกิ่นเทอ 22 พ.ย.- การทำเหมืองทรายและการสร้างเขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำกำลังกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของชาวเวียดนามบริเวณสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขง เนื่องจากบ้านเรือนทรุดจมแม่น้ำจากการที่ริมตลิ่งถูกกัดเซาะ
บริเวณสามเหลี่ยมปากแม่น้ำโขงถือเป็นอู่ข้าวอู่น้ำของเวียดนาม เป็นจุดที่แม่น้ำโขงไหลลงสู่ทะเลจีนใต้ คาดกันว่าพื้นที่นี้จะไม่มีทรายในช่วง 1 ทศวรรษหน้า เพราะเขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำที่ตั้งอยู่บริเวณต้นน้ำได้จำกัดปริมาณทรายที่ไหลลงมายังสามเหลี่ยมปากแม่น้ำตลอดช่วง 2 ทศวรรษที่ผ่านมา นอกจากนี้ยังมีการทำเหมืองทรายเพื่อป้อนอุตสาหกรรมการก่อสร้างในเวียดนามที่ขยายตัวอย่างมาก
ข้อมูลของสหประชาชาติระบุว่า ทรายซึ่งจำเป็นต่อการผลิตคอนกรีตเป็นทรัพยากรธรรมชาติที่ถูกใช้ประโยชน์มากเป็นอันดับ 2 ของโลกรองจากน้ำ และมีการใช้เพิ่มขึ้นถึง 3 เท่าในช่วง 2 ทศวรรษที่ผ่านมา ผลการศึกษาในปี 2561 ของคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขงประเมินว่า ปริมาณทรายจะลดลงมากถึงร้อยละ 97 ภายในปี 2583 ส่งผลกระทบร้ายแรงต่อชีวิตความเป็นอยู่ของคนริมตลิ่ง เพราะเมื่อมีทรายน้อยลง กระแสน้ำจะไหลเร็วขึ้น ทำให้ตลิ่งถูกกัดเซาะมากยิ่งขึ้น ข้อมูลของรัฐบาลเวียดนามระบุว่า ช่วงปี 2559 ถึงเดือนสิงหาคม 2566 มีตลิ่งอย่างน้อย 750 กิโลเมตรและบ้านเรือนเกือบ 2,000 หลังทรุดจมแม่น้ำโขง
ขณะเดียวกันกระทรวงคมนาคมเวียดนามระบุว่า บริเวณสามเหลี่ยมปากน้ำโขงต้องการทราย 54 ล้านลูกบาศก์เมตรเพื่อใช้ในโครงการก่อสร้างทางหลวง 6 สายก่อนปี 2568 ทรายในแม่น้ำมีไม่ถึงครึ่งหนึ่งของที่ต้องการ ทางการกำลังพิจารณาทางเลือกอื่น เช่น ใช้ทรายจากทะเล หรือนำเข้าทรายจากกัมพูชา ขณะที่เวียดนามห้ามส่งออกทรายในทุกรูปแบบมาตั้งแต่ปี 2560.-สำนักข่าวไทย