นครสวรรค์ 29 มิ.ย.-กลุ่มวิสาหกิจชุมชนผู้ปลูกผักหวานป่า อ.ไพศาลี จ.นครสวรรค์ กำลังจะจดทะเบียนเป็นเกษตรแปลงใหญ่ ซึ่งสำนักงานเกษตรจังหวัดระบุว่า จะมีประโยชน์ในการส่งเสริมด้านต่างๆ จากภาครัฐ ทั้งการจัดหาแหล่งน้ำ การจัดหาปัจจัยการผลิต และการตลาด
เกษตรจังหวัดนครสวรรค์มาให้ความรู้แก่กลุ่มวิสาหกิจชุมชนผู้ปลูกผักหวานป่าในการเตรียมจดทะเบียนเป็นเกษตรแปลงใหญ่ สวนของประธานกลุ่มมี 9 ไร่ จัดสรรเป็น 7 ส่วน ให้มีเก็บขายได้ทุกวัน มีพ่อค้าแม่ค้ามารับซื้อกิโลกรัมละ 60 บาท วันหนึ่งๆ เก็บได้ประมาณ 50 กิโลกรัม
คุณลลิตา ภู่เพชร เกษตรกรรุ่นใหม่ กล่าวว่า ผักหวานจะแตกยอดดีในฤดูร้อน แต่พอถึงฤดูหนาวตาใบจะแตก ผักหวานไม่ชอบแฉะ แต่ก็ขาดน้ำไม่ได้ จึงให้น้ำสัปดาห์ละครั้ง แต่ถึงอย่างนั้น บางแปลงก็ยังมีปัญหาขาดน้ำ เนื่องจากอยู่นอกเขตชลประทาน
ขณะนี้เกษตรกรรวมกลุ่มกันได้ 85 ราย พื้นที่กว่า 500 ไร่ เดิมทำนา แต่บริเวณนี้เป็นที่ดอนจึงเปลี่ยนมาปลูกผักหวานตั้งแต่ 15 ปีก่อน ซึ่งเกษตรจังหวัด กล่าวว่า การทำเป็นแปลงใหญ่หน่วยงานต่างๆ จะเข้ามาสนับสนุนในสิ่งที่จำเป็น หาแหล่งน้ำให้ แนะนำวิธีบำรุงให้แตกยอดเยอะๆ จัดหาปัจจัยการผลิตในราคาถูก ต่อรองราคาขายในราคาที่เหมาะสมได้
ที่สำคัญ ผักหวานป่าสามารถส่งขายต่างประเทศได้ เพราะไม่ได้ใช้สารเคมีเลย จึงเป็นพืชที่มีอนาคตในการทำตลาดส่งออก พ่อค้าแม่ค้าที่มารับซื้อผักหวานป่าที่ อ.ไพศาลี จ.นครสวรรค์ จะนำส่งตลาดไทยและตลาดสี่มุมเมือง ก่อนกระจายไปยังตลาดอื่นๆ ทั่วประเทศ ราคาขายปลีกจะสูงเป็นเท่าตัว
กลุ่มวิสาหกิจชุมชนผู้ปลูกผักหวานป่า ยังเพาะต้นพันธุ์ขายจากเมล็ด ต้นละ 20 บาท ซึ่งมีผู้สนใจมาซื้อต้นพันธุ์ไม่ขาด เพราะเป็นพืชผักที่ยังเป็นที่ต้องการ ของตลาดอีกมาก.-สำนักข่าวไทย