พาณิชย์ขีดเส้น ก.ค. 6 ตลาดขายของเถื่อนต้องหมด

นนทบุรี 21 มิ.ย. – รัฐมนตรีช่วยพาณิชย์ย้ำชัดเจน 6 ตลาดขายสินค้าละเมิด ต้องไม่มีสินค้าเถื่อนขายอีกให้เวลา 1 เดือน หากพบอีกเจอโทษหนักแน่ นายกฯ ไฟเขียวหนุนเต็มที่ก่อนเยือนสหรัฐ


นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า หลังจากการประชุมหารือร่วมกับกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) กองทัพบก สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมศุลกากร กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งเจ้าของพื้นที่ เมื่อเร็ว ๆ นี้ ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่กรมทรัพย์สินทางปัญญาร่วมกับทุกหน่วยงานดังกล่าวอย่างเต็มที่ เพื่อกำหนดแนวทางป้องกันและปราบปรามแหล่งจำหน่ายสินค้าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา โดยเฉพาะพื้นที่สีแดงสำคัญใน 6 ตลาด เช่น ศูนย์การค้า MBK, ตลาดโรงเกลือ จ.สระแก้ว, ศูนย์ การค้าพันธุ์ทิพย์พลาซ่า ประตูน้ำ, ย่านการค้าคลองถม, ย่านการค้าบ้านหม้อ และตลาดนัดจตุจักร ซึ่งจะเดินหน้าขั้นเด็ดขาดว่าพื้นที่ดังกล่าวต้องไม่มีการจำหน่ายสินค้าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาทุกรายการสินค้าโดยเด็ดขาด และต้องให้หมดไปก่อนสิ้นเดือนกรกฎาคมนี้ 

อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่ผ่านมามีการร้องเรียนและแจ้งเบาะแสทั้ง 6 ตลาดดังกล่าว พบว่ามีการจำหน่ายสินค้าละเมิดแบบไม่เกรงกลัวกฎหมาย ซึ่งมีการตักเตือนป้องกันและปราบปรามกันมาอย่างต่อเนื่อง แต่หลายร้านค้าในตลาดจำนวนไม่น้อยยังฝ่าฝืนไม่ปฎิบัติตาม จึงเป็นตลาดที่มีชื่อเสียงในการจำหน่ายสินค้าละเมิดทรัพย์สินทางปัญญา ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ขีดเส้นว่าจะต้องปราบปรามให้ปลอดจากสินค้าละเมิดให้เห็นผลชัดเจน ก่อนที่จะเดินทางไปเยือนสหรัฐอเมริกาช่วงปลายปีนี้ เพื่อให้สหรัฐและหลายประเทศเห็นว่าประเทศไทยจริงจังต่อปัญหาดังกล่าว ซึ่งเมื่อเร็ว ๆ นี้ไทยทำลายของกลางคดีที่สิ้นสุดไปมากกว่า 3 ล้านชิ้นไปแล้ว 


ทั้งนี้ ตามแนวทางการป้องกันและปราบปรามที่กรมทรัพย์สินทางปัญญาดำเนินการอยู่จะใช้จากเบาไปหาหนัก โดยเริ่มจากการตรวจสอบพื้นที่ดังกล่าวและแนะนำ ตักเตือนผู้ค้า แจกเอกสาร ทำป้าย ผ่านเสียงตามสายถึงโทษการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาและจัดอบรมให้ความรู้กับผู้ค้า การยกเลิกสัญญาเช่า การจัดตั้งห้องปฏิบัติการประจำพื้นที่ต่าง ๆ และดึงเจ้าของสิทธิ์ทำการตรวจสอบจุดที่ตั้งของร้านค้าแผงลอยที่จำหน่ายสินค้า โดยแนวทางทั้งหมดจะร่วมกับหน่วยงานดังกล่าวอย่างเต็มที่ จึงเชื่อว่าความร่วมมือนี้จะทำให้พื้นที่ที่จำหน่ายสินค้าผิดกฎหมายหมดไป พร้อมทั้งให้ทุกหน่วยงานจัดการขั้นเด็ดขาดหากพบร้านค้าใดกระทำผิดส่งดำเนินคดีทั้งกฎหมายอาญาและกฎหมายแพ่งกันต่อไป และเท่าที่ได้รับรายงานหลังจากปฎิบัติการร่วมมือทุกฝ่ายเวลานี้พื้นที่มาบุญครอง ห้างพันธทิพย์ร้านที่จำหน่ายของเถื่อนหมดไปแล้ว ขณะที่พื้นที่เหลือ ได้แก่ ตลาดจัตุจักรและตลาดโรงเกลือยังมีอยู่บ้าง ก็จะเร่งแก้ไขต่อไปและลงพื้นที่ตรวจสอบสัปดาห์หน้า.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง