กรุงเทพฯ 13 มี.ค. – แต่ละพรรคการเมืองเริ่มทยอยเปิดนโยบายกันต่อเนื่อง แต่ที่ทั้งเปิดนโยบาย และปรับลุคใหม่ให้ดูแปลกตาดึงดูด นาทีนี้ โดดเด่นที่สุดน่าจะเป็นลุงป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ
เพลง “ทรงอย่างแบด” กลายเป็นเพลงประจำตัวเข้ากับลุคใหม่เพิ่มความกระฉับกระเฉง ในวัย 77 ปี ลงพื้นที่ถี่ แต่งตัววัยรุ่นไปแบบเดี่ยวๆ ไม่แจ้งล่วงหน้า ลุยเยาวราช ทำบุญกับเด็กด้อยโอกาส เดินตลาด อตก. ออกกำลังกายสวนลุม ไม่นับการลงพื้นที่ทุกสัปดาห์ สร้างความเป็นกันเอง เปิดโอกาสให้ประชาชนใกล้ชิด เซลฟี่ หอมแก้ม โอบกอดได้ เป็นการปรับเปลี่ยนตัวเองแบบเต็มสูบเพื่อก้าวลงสนามการเมือง ในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีคนเดียวของ พปชร. จุดขายก้าวข้ามความขัดแย้ง ท่ามกลาง เสียงเชียร์ ให้เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30
เมื่อหันมามองนโยบาย ของพรรคพลังประชารัฐ เปิดตัวนโยบายเพิ่มเงินในบัตรประชารัฐ 700 บาทต่อเดือน ทำทันทีหากได้เป็นรัฐบาลจนถึงขั้นใช้เป็นแคมเปญประกอบเพลงหาเสียงป้อม 700
ตามมาด้วยนโยบายสวัสดิการผู้สูงอายุ แบบขั้นบันได 3 4 5 และ 6 7 8 โดยผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป จะได้รับเงิน 3,000 บาท อายุ 70 ปีขึ้นไป จะได้รับ 4,000 บาท และอายุ 80 ปีขึ้นไป จะได้รับ 5,000 บาท นโยบายที่ดินประชารัฐ ซื้อหน่วยลงทุนก็มาหักภาษีได้ ระดมทุนจากนักลงทุนทั้งในและ 4 ลดค่าแก๊สหุงต้ม ค่าเดินทาง
นอกจากนี้ พรรคพลังประชารัฐ ยังเตรียมนโยบายระดับภาค ที่เหมาะสมกับบริบทของพื้นที่และภาคต่างๆ จะออกนโยบายเป็นรายภาค ทั้งเหนือ กลาง อีสาน ใต้ ผลักดันให้เกิดเขตเศรษฐกิจพิเศษในแต่ละภาค เพื่อให้เกิดการจ้างงานความเจริญไปสู่แต่ละภาค ทั่วทั้งประเทศ
ด้านการสื่อสารของลุงป้อม หันมาใช้โซเชียลมากขึ้น ทีมงานตั้งเพจ เรารักลุงป้อม เพจ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ และเพจพรรคที่อัปเดตมากขึ้น ใช้ช่องทางสื่อสารส่งสาร ที่ต้องการจะสื่อ เปิดใจลงสนามการเมือง ผ่านจดหมายแต่ละฉบับ เริ่มที่จิตวิญญาณของความจงรักภักดีจากอดีตจนถึงปัจจุบัน เชื่อประชาธิปไตยคือทางออก รู้จักคนดี มีความสามารถ พร้อมจะเป็นคนกลาง ประสานทุกฝ่าย ก้าวข้ามความขัดแย้ง หากได้รับโอกาสมาเป็นนายกรัฐมนตรี
หลังยุบสภา นโยบายของแต่ละพรรคจะชัดเจนขึ้น ช่วงนี้ยังต้องกั๊กเพราะกลัวการลอกกการบ้าน และรอติดตามว่าจุดขายของลุงป้อม ที่ชัดเจนความเป็นโซ่ข้อกลาง ไม่สร้างความขัดแย้ง ร่วมงานได้กับทุกพรรค จะส่งผลให้คะแนนนิยมของพลังประชารัฐได้ 130 ที่นั่ง ตามที่ตั้งเป้าไว้ได้หรือไม่.-สำนักข่าวไทย