จ.ระยอง 23 ม.ค.-รมช.คลัง ลงพื้นที่ อ่างเก็บน้ำหนองปลาไหล อ่างเก็บน้ำหลักภาคตะวันออก พร้อมกำชับเอกชนส่งมอบทรัพย์สิน-พื้นที่ให้รวดเร็ว ส่งผลรายได้เข้ารัฐเพิ่ม ขณะที่ ประชาชนต้องไม่เดือดร้อน
นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง พร้อมด้วยนายจำเริญ โพธิยอด อธิบดีกรมธนารักษ์ เดินทางมาตรวจสอบความพร้อมการส่งมอบกิจการระบบท่อส่งน้ำสายหลักในภาคตะวันออก ของกรมธนารักษ์ ในพื้นที่โครงการท่อส่งน้ำหนองปลาไหล – หนองค้อ และโครงการท่อส่งน้ำ หนองค้อ – แหลมฉบัง (ระยะที่ 2) จ.ระยองและจ.ชลบุรี
จากเดิมที่กรมธนารักษ์ให้บริษัท East Water เป็นผู้บริหารจัดการโครงการไปพลางก่อน และต่อมาบริษัท วงษ์สยามก่อสร้าง จำกัด ได้สัญญาบริหารและดำเนินกิจการระบบท่อส่งน้ำสายหลัก ในภาคตะวันออก ตั้งแต่วันที่ 23 กันยายน2565 จึงต้องมีการส่งมอบทรัพย์สินของกระทรวงการคลัง โดยกรมธนารักษ์ ในฐานะคู่สัญญาฝ่ายรัฐ เพื่อให้บริษัทที่ได้รับสัญญาใหม่สามารถดำเนินธุรกิจต่อเนื่อง โดยไม่ส่งผลกระทบต่อประชาชนผู้ใช้น้ำในพื้นที่ภาคตะวันออก
นายสันติ ระบุว่า จากการลงพื้นที่พบว่า อ่างเก็บน้ำหนองปลาไหลฯ มีศักยภาพในการกักเก็บน้ำเพียงพอต่อความต้องการใช้น้ำของประชาชน, นิคมอุตสาหกรรมในภาคตะวันออก และโรงงานในพื้นที่จังหวัดชลบุรีและระยอง มีโรงสูบน้ำหลัก 3 โรง และแพสูบน้ำอีก 2-3 โรง มีแนวท่อส่งน้ำ ระยะทาง 70-80 กิโลเมตร มีสถานีเพิ่มแรงดันน้ำ เพื่อให้สามารถจ่ายน้ำได้ครอบคลุมพื้นที่จังหวัดชลบุรี
ทั้งนี้ ได้มอบนโยบายให้การเปลี่ยนผ่าน เกิดความรอบคอบ ไม่ให้ส่งผลกระทบต่อประชาชนในภาคตะวันออก พร้อมดูแลราคาขายน้ำ ให้กับภาคอุตสาหกรรมและประชาชนทั่วไป เฉลี่ยต้องไม่เกินหน่วยละ 10.98 บาท ขณะเดียวกัน ได้มอบหมายให้ฝ่ายกฎหมายเข้าไปดูแลเรื่องการส่งมอบพื้นที่ล่าช้า ซึ่งตามกฎหมายต้องส่งมอบพื้นที่ทันที หลังกรมธนารักษ์ ทำหนังสือยกเลิกสัญญา ว่าทำให้รัฐต้องได้รับความเสียหายมากน้อยเพียงใดโดยเฉพาะการที่บริษัทที่ชนะการประมูลรายใหม่ ให้ผลตอบแทนจากการใช้น้ำเข้ารัฐ สูงถึงร้อยละ 27 จากเดิมที่บริษัท อีสต์วอเตอร์ ให้ผลตอบแทนในท่อส่งน้ำที่ 1 ร้อยละ 1 ท่อส่งน้ำที่ 2 และ3 ให้ผลตอบแทนร้อยละ 3และ 7 จึงต้องทำให้การเปลี่ยนผ่านเกิดความรวดเร็ว ตามสัญญาที่บริษัทใหม่ประมูลได้ ขณะที่กรมธนารักษ์ได้ทำหนังสือขอให้ยุติการดำเนินงานของบริษัท East water ในแนวท่อส่งน้ำที่ 2และ 3ไปแล้ว ยกเว้นแนวท่อส่งน้ำที่ 1 ที่จะหมดสัญญาในวันที่ 31 ธันวาคม2566.-สำนักข่าวไทย