กรุงเทพฯ 11 ก.ย.- อธิบดีกรมชลประทานระบุ เตรียมปรับเพิ่มการระบายน้ำเขื่อนเจ้าพระยาในอัตราไม่เกิน 1,800 ลบ.ม./วินาทีตามที่แจ้งเตือนไว้ก่อนหน้านี้ เหตุน้ำเหนือไหลลงมามาก แต่ให้ชะลอการระบายน้ำจากเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์เพื่อลดผลกระทบต่อพื้นที่ตอนล่างที่มีฝนตกต่อเนื่อง พร้อมกำชับสถานีสูบน้ำชายทะเลเร่งระบายน้ำออกอ่าวไทยโดยเร็ว
นายประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทานกล่าวว่า ฝนที่ตกในลุ่มน้ำปิง วัง ยม และน่านทำให้มีน้ำไหลลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยาเพิ่มขึ้น โดยวันนี้น้ำไหลผ่านจ นครสวรรค์ 1,690 ลบ.ม./วินาที เพิ่มขึ้นจากเมื่อวานนี้ซึ่งอยู่ที่ 1,578 ลบ.ม./วินาที ช่วงเช้าที่ผ่านมาระบายน้ำผ่านเขื่อนเจ้าพระยา จ. ชัยนาทที่ 1,598 ลบ.ม./วินาที โดยทยอยปรับเพิ่มเป็นขั้นบันไดจนถึง 1,700 ลบ.ม./วินาทีในเวลา 17.00 น. วันนี้ และมีแนวโน้มจะปรับเพิ่มขึ้นอีก เนื่องจากคาดการณ์ว่า อีก 3 วันข้างหน้า น้ำเหนือที่ไหลลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยา จ. นครสวรรค์จะเพิ่มเป็น 1,800-2,000 ลบ.ม./วินาที ประกอบกับปริมาณน้ำแม่น้ำสะแกกรังจากจ. อุทัยธานีที่ไหลมาสมทบ มีปริมาณเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน ดังนั้นสำนักงานชลประทานที่ 12 อาจปรับเพิ่มการระบายผ่านเขื่อนเจ้าพระยาในอัตราไม่เกิน 1,800 ลบ.ม./วินาที ตามที่แจ้งเตือนไว้ก่อนหน้านี้
ทั้งนี้ได้ให้สำนักงานชลประทานที่ 10 ชะลอการปรับเพิ่มการระบายน้ำเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จากที่แจ้งเตือนจะระบาย 350 ลบ.ม./วินาที โดยให้คงที่อัตรา 320 ลบ.ม./วินาทีตามหลักการจัดการจราจรน้ำ เพราะแม่น้ำป่าสักจะไหลไปบรรจบกับแม่น้ำเจ้าพระยาที่หน้าวัดพนัญเชิง จ. พระนครศรีอยุธยา เมื่อระบายจากเขื่อนเจ้าพระยามาก ต้องชะลอการระบายจากเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์เพื่อลดผลกระทบต่อพื้นที่ท้ายลุ่มน้ำเจ้าพระยาตั้งแต่จ. พระนครศรีอยุธยา รวมถึงกรุงเทพฯ และปริมณฑลซึ่งมีฝนตกหนักในพื้นที่
นายประพิศย้ำว่า ให้สถานีสูบน้ำชายทะเลเดินเครื่องสูบน้ำอย่างเต็มกำลังเพื่อไล่น้ำจากฝนที่ตกลงมาในพื้นที่ออกทะเลไปก่อนซึ่งจะช่วยบรรเทาผลกระทบจากการระบายน้ำทางตอนบนลงมาในระยะต่อไป.-สำนักข่าวไทย