กรุงเทพฯ 14 เม.ย. – กระทรวงอุตสาหกรรมร่วมกับจังหวัดเคาะหลักเกณฑ์กองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวทางประชารัฐ เตรียมอัดฉีดเอสเอ็มอีเบื้องต้นจังหวัดละ 100 ล้านบาท และ 10 กลุ่มอุตฯ S-Curve ตามหลักการเศรษฐกิจท้องถิ่น
นายสมชาย หาญหิรัญ ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยความคืบหน้ากองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐ วงเงิน 20,000 ล้านบาท ว่า ล่าสุดร่วมกับจังหวัดจัดการประชุมคณะอนุกรรมการบริหารกองทุนพัฒนาเอสเอ็มอีตามแนวประชารัฐระดับจังหวัด เพื่อพิจารณาคัดเลือกยุทธศาสตร์และประเภทธุรกิจเป้าหมายของจังหวัดที่จะให้การสนับสนุนสินเชื่อพร้อมประกาศให้เอสเอ็มอีในพื้นที่รับทราบและยื่นคำขอกู้เงินกองทุน เบื้องต้นแบ่งการจัดสรรกองทุนให้กับจังหวัดต่าง ๆ โดยคำนวณตามหลักการกระจายการพัฒนาให้ทั่วถึงและสัดส่วนมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมจังหวัด (GPP) เชื่อมโยงกับกลุ่มธุรกิจเป้าหมายที่เป็นกลุ่ม 10 S-Curve และกลุ่มที่จะยกระดับและพัฒนาไปสู่ 10 S-Curve รวมทั้งธุรกิจที่มีความสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของจังหวัด โดยจะเริ่มนำร่อง 4 จังหวัด ได้แก่ พิษณุโลก เชียงใหม่ สงขลา และชลบุรี ภายในวันที่ 20 เมษายนนี้ และคาดว่ากลางเดือนพฤษภาคมจะเริ่มรับคำขอและอนุมัติกองทุนให้ผู้ประกอบการได้นำไปพัฒนากิจการ
นายพสุ โลหารชุน อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กล่าวว่า สำหรับกรอบวงเงินและเป้าหมายการให้ความช่วยเหลือส่งเสริมสนับสนุนเอสเอ็มอีนั้น เบื้องต้นแบ่งเป็น 3 ส่วน ส่วนแรกจัดสรรเท่ากันทุกจังหวัด เพื่อให้สอดคล้องกับหลักการกระจายการพัฒนาให้ทั่วถึงทุกพื้นที่ คือ จังหวัดละ 100 ล้านบาท ส่วนที่ 2 คือ การจัดสรรตามสัดส่วนของ GPP ซึ่งจำนวนและวงเงินที่จัดสรรแตกต่างไปตาม 4 กลุ่ม คือ กลุ่มที่ 1 GPP ไม่เกิน 100,000 ล้านบาท ได้รับจัดสรร 62 ราย วงเงิน 186 ล้านบาท (54 จังหวัด) กลุ่มที่ 2 GPP ตั้งแต่ 100,001 – 500,000 ล้านบาท ได้รับจัดสรร 68 ราย วงเงิน 204 ล้านบาท (19 จังหวัด) กลุ่มที่ 3 GPP ตั้งแต่ 500,001 ล้านบาท ขึ้นไปได้รับจัดสรร 75 ราย วงเงิน 225 ล้านบาท (3 จังหวัด) และกลุ่มที่ 4 กรุงเทพฯ GPP 4,437,405 ล้านบาท ได้รับจัดสรร 85 ราย วงเงิน 255 ล้านบาท
ส่วนสุดท้าย คือ เงินสำรองส่วนกลางที่จะทำการจัดสรร เพื่อการร่วมลงทุน และสำหรับกิจการที่มีความสำคัญสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของโครงการ และกลุ่มธุรกิจหลักที่เป็นกลุ่ม 10 S-Curve หรือที่เชื่อมโยงและจะพัฒนาไปสู่กลุ่ม 10 S-Curve หรือธุรกิจที่มีความสำคัญเชิงยุทธศาสตร์ในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของจังหวัดที่บางพื้นที่อาจมีความต้องการเพิ่ม ซึ่งจะจัดสรรให้ในโอกาสต่อไปอีกกว่า 3,000 ล้านบาท ทั้งนี้ ธุรกิจที่ไม่เข้าข่ายในการให้การสนับสนุน ได้แก่ ธุรกิจที่เกี่ยวกับการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจผิดกฎหมาย ขัดต่อศีลธรรมอันดีของสังคม.-สำนักข่าวไทย