หนุ่ม 18 ฉุนอดีตสามีแม่ดื่มเหล้าเมาเสียงดัง คว้ามีดฟันแขนขาด

ประจวบคีรีขันธ์ 6 ม.ค. – หนุ่มวัย 18 คว้ามีดฟันแขนอดีตสามีของแม่จนขาด หลังไม่พอใจดื่มเหล้าเมาเสียงดังและด่าท่อบุพการี


นายต๊ะ อายุ 18 ปี ใช้มีดตัดใบสับปะรด ฟันนายสมชาย เจ้าหน้าที่กองสาธารณสุขเทศบาลเมืองประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งเป็นอดีตสามีของแม่ หลังทั้ง 2 คนทะเลาะมีปากเสียงกัน จากภาพจะเห็นว่าแม้แขนขวาของนายสมชายถูกฟันจนขาดร่วงหล่นบนพื้น แต่การต่อสู้กันยังคงไม่หยุด นายสมชายซึ่งอยู่ในอาการมึนเมายังเดินหน้าเข้าหานายต๊ะ ทำให้ถูกฟันซ้ำอีกหลายครั้ง ระหว่างนั้นนายต๊ะตะโกนด่าทอ ก่อนที่นายสมชายจะเดินไปล้มลงที่ร้านขายของชำฝั่งตรงข้ามที่เกิดเหตุ

เหตุการณ์นี้คนในร้านขายของชำ บริเวณบนถนนประจวบศิริ เขตเทศบาลเมือง อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์ ใช้โทรศัพท์บันทึกภาพไว้ด้วยความหวดกลัวจะถูกลูกหลง จากนั้นรีบโทรแจ้งตำรวจ สภ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ เข้าระงับเหตุ พร้อมประสานเจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิสว่างประจวบคีรีขันธ์ ช่วยเหลือปฐมพยาบาลผู้บาดเจ็บ อาการสาหัส แขนซ้ายขาด และใบหูขาด มีแผลฉกรรจ์บริเวณศีรษะ คอ ไหล่ เลือดออกจำนวนมาก กู้ภัยนำตัวส่งโรงพยาบาลประจวบคีรีขันธ์


จากการสอบถามเจ้าของร้านหนุงหนิง จิ้มจุ่ม เล่าว่า ผู้ก่อเหตุเป็นลูกชายของตนเอง ส่วนคนที่ถูกฟันจนแขนขาด เป็นอดีตสามีที่เลิกกันไปนานแล้ว ก่อนเกิดเหตุประมาณ 8 โมงเช้า อดีตสามีมานั่งดื่มสุราอยู่บริเวณโต๊ะด้านหน้าร้านกับเพื่อน ขณะนั้นตนกำลังจะออกไปจ่ายตลาด เมื่อเห็นตนเขาจึงขอเข้าไปนั่งดื่มต่อภายในร้าน แม้ร้านจะยังไม่เปิดแต่เห็นว่าเป็นลูกค้าเคยมานั่งดื่ม จึงอนุญาตให้เข้าไปนั่งดื่มต่อภายในร้าน

เมื่อตนกลับมาบ้านลูกชายเดินมาขอโทษ ก่อนจะเล่าเหตุการณ์ให้ฟังว่าระหว่างที่นายสมชายนั่งดื่มสุรากันอยู่พูดคุยเสียงดังมาก ขณะนั้นลูกชายนอนอยู่บนชั้น 2 มาบอกให้ใช้เสียงเบาๆ หน่อย แต่กลับถูกด่าทอ ยั่วยุ ว่าร้ายเสียหายแก่พ่อของเขา จนเกิดการท้าทายกัน ทำให้ลูกชายสุดทน คว้ามีดตัดสับปะรดฟันแขนนายสมชายจนขาดกระเด็น หลังทราบเหตุการณ์ตนจึงพาลูกชายซ้อนมอเตอร์ไซค์ พร้อมอาวุธที่ใช้ก่อเหตุ เข้ามอบตัวที่ สภ.เมืองประจวบคีรีขันธ์

พ.ต.อ.ไพทูล พรมเขียน ผกก.สภ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยว่า ผู้ก่อเหตุนำอาวุธมามอบตัวกับตำรวจที่โรงพักแล้ว เบื้องต้นสอบปากคำพร้อมแจ้งข้อหาทำร้ายร่างกายจนได้รับบาดเจ็บสาหัส จากนั้นจึงปล่อยตัวไป เพื่อรอนัดวันส่งสำนวนให้อัยการ ส่วนการที่เจ้าหน้าที่ไม่ได้มีการควบคุมตัวไว้เนื่องจากผู้ก่อเหตุเป็นเยาวชน อายุระหว่าง 17-18 ปี และเข้ามามอบตัวด้วยตนเอง ไม่มีพฤติการณ์หลบหนี ส่วนการแจ้งข้อหาเพิ่มเติมอยู่ระหว่างรอใบชันสูตรตรวจร่างกายผู้บาดเจ็บจากแพทย์ และรอสอบปากคำผู้บาดเจ็บเพิ่มเติม หากพบว่ามีบาดแผลฉกรรจ์และแพทย์มีการรับรองว่าเข้าข่ายถึงขั้นเสียชีวิตได้ จะต้องแจ้งข้อหาพยายามฆ่าเพิ่มเติม


ส่วนอาการของผู้บาดเจ็บล่าสุดนอนพักรักษาตัวอยู่ในห้อง ICU อาการสาหัส กระโหลกศีรษะร้าว แพทย์ได้ทำการเย็บบาดแผลที่ศีรษะ คอ ไหล่ ใบหูที่ขาด ส่วนแขนที่ขาดไม่สามารถต่อได้ เนื่องจากโรงพยาบาลไม่มีแพทย์ที่ชำนาญ และอยู่ไกลเกินกว่าจะส่งไปรักษาที่โรงพยาบาลที่มีศักยภาพ แพทย์จึงตัดสินใจเย็บปิดบาดแผลเพื่อรักษาชีวิต

ขณะที่นางสมใจ ภรรยาคนปัจจุบันของผู้บาดเจ็บ เปิดเผยว่า มองว่าเรื่องนี้ผู้ก่อเหตุทำเกินกว่าเหตุ ยืนยันว่าจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด เนื่องจากแขนต่อไม่ได้ อาจจะต้องออกจากงาน กลายเป็นผู้พิการไปตลอดชีวิต.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ไม่เอาไว้! ต่างด้าวสร้างปัญหาให้บุคลากรการแพทย์เมืองปาย

ผบช.สตม. ลั่น ไม่เอาไว้! ต่างด้าวสร้างปัญหาให้บุคลากรการแพทย์เมืองปาย เพิกถอนใบอนุญาต ผลักดันออกนอกประเทศทันที

ตรวจสอบ The Park เขาหลัก งบก่อสร้าง 140 ล้าน คุ้มค่าหรือไม่?

สำนักข่าวไทย ได้รับเรื่องร้องเรียนจากชาวบ้านให้ช่วยเข้าไปตรวจสอบการก่อสร้างโครงการศูนย์กลางการท่องเที่ยวและนันทนาการชายฝั่งแห่งเมืองพังงา หรือ The Park เขาหลัก ริมหาดบางเนียง หลังมีข้อมูลว่าเป็นโครงการที่ก่อสร้างด้วยงบกว่าร้อยล้านบาท แต่ปัจจุบันกลับไม่ได้ใช้ประโยชน์ และถูกปล่อยให้อยู่ในสภาพรกร้าง

ลูกสาวสารภาพจุดไฟเผาพ่อวัย 73 ดับคากระท่อม

ลูกสาวเปิดปากสารภาพจุดไฟเผาพ่อวัย 73 ปี เสียชีวิตในกระท่อม ข้างลานรับซื้อข้าวเปลือก ต.โนนศิลาเลิง อ.ฆ้องชัย จ.กาฬสินธุ์

พิรงรองคุก2ปี

คุก 2 ปี “พิรงรอง” กสทช. คดี “ทรู” ฟ้องกลั่นแกล้ง

ศาลสั่งจำคุก 2 ปี “พิรงรอง” กรรมการ กสทช. ไม่รอลงอาญา ผิดมาตรา 157 ชี้มีเจตนากลั่นแกล้ง “ทรูไอดี” ให้ได้รับความเสียหาย กรณีออกหนังสือเตือนโฆษณาแทรกในทีวีดิจิทัล

ข่าวแนะนำ

เมียวดีระส่ำ! ปั๊มเหลือน้ำมันสำรองได้อีก 3-4 วัน

เมียวดีระส่ำหนัก หลังไทยตัดกระแสไฟฟ้า-อินเทอร์เน็ต-น้ำมันข้ามชายแดน โดยเฉพาะน้ำมันขาดแคลนหนัก ปั๊มน้ำมันกว่า 20 แห่ง เหลือน้ำมันสำรองได้อีก 3-4 วัน ประธานหอการค้าเมียวดี เรียกร้องรัฐบาลไทยทบทวน อยากให้ 2 ประเทศ ร่วมกันปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ให้ถูกจุด