ก.อุตฯ เร่งลงทุน Bio Hub กว่า 9.4 หมื่นล้านบาท

กรุงเทพฯ 28 เม.ย. – กระทรวงอุตสาหกรรมเร่งเอกชนลงทุน Bio Hub 3 จังหวัดเพิ่ม กว่า 94,000 ล้านบาท  


นายสมชาย หาญหิรัญ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ตามที่คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 24 เมษายน 2562 รับทราบความก้าวหน้าการดำเนินงานภายใต้มาตรการพัฒนาอุตสาหกรรมชีวภาพของไทย ปี 2561-2570 และรับทราบการเตรียมการลงทุนของภาคเอกชนในพื้นที่เพิ่มเติมตามที่กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอ โดยกระทรวงอุตสาหกรรมจะเร่งผลักดันให้เกิด Bio Hub ในจังหวัดฉะเชิงเทรา อุบลราชธานี และลพบุรี เพิ่มเติม เพื่อให้ประเทศไทยเป็น Bio Hub ของอาเซียนโดยเร็ว

นายสมชาย กล่าวว่า สำหรับความก้าวหน้าการดำเนินงานดังกล่าว ประกอบด้วย มาตรการขจัดอุปสรรคการลงทุนและสร้างปัจจัยสนับสนุน ซึ่งกระทรวงฯ กำลังเร่งปรับปรุงประกาศ เรื่องการให้ตั้งโรงงานที่ใช้อ้อยเป็นวัตถุดิบทุกท้องที่ ปรับปรุง พ.ร.บ. อ้อยและน้ำตาลทรายให้สามารถนำน้ำอ้อยไปผลิตสินค้าชนิดอื่น และเพิ่มประเภทกิจการอุตสาหกรรมชีวภาพ ให้สามารถตั้งโรงงาน ส่วนมาตรการเร่งรัดการลงทุนภายในประเทศ ขณะนี้ได้เกิดมูลค่าการลงทุนแล้ว 9,740 ล้านบาท ในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (ECC) ในส่วนของการผลิตน้ำยาล้างไต พลาสติกชีวภาพ และการผลิตเมทิลเอสเทอร์ และคาดว่าจะเกิดมูลค่าการลงทุนในพื้นที่จังหวัดนครสวรรค์ อีก 41,000 ล้านบาท ในปี 2564  นอกจากนี้ ร่วมกับกระทรวงการคลังเร่งออกมาตรการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีเพื่อส่งเสริมการใช้บรรจุภัณฑ์พลาสติกที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และการพัฒนาต้นแบบผลิตภัณฑ์ไบโอพลาสติก พร้อมการยกระดับผู้ประกอบการ SMEs ร่วมกับศูนย์ปฏิรูปอุตสาหกรรมสู่อนาคต 


สำหรับจังหวัดฉะเชิงเทรา กระทรวงฯ กำลังเร่งผลักดันโครงการลงทุนอุตสาหกรรมชีวภาพในพื้นที่ EEC ของภาคเอกชน 2 โครงการ ประกอบด้วย โครงการจัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมบลูโอลิโอเทค ซิตี้ ขนาด 998 ไร่ มูลค่าการลงทุน 12,500 ล้านบาท ตั้งอยู่ที่ ตำบลสองคลอง อำเภอบางปะกง มีแผนการลงทุนผลิตอุตสาหกรรมเชื้อเพลิงชีวภาพและเคมีชีวภาพ ที่เป็นอุตสาหกรรมนวัตกรรมใหม่ และโครงการไบโอ ฮับ เอเซีย ขนาด 3,500 ไร่ มูลค่าการลงทุน 50,000 ล้านบาท ตั้งอยู่ที่ตำบลเขาหินซ้อน อำเภอพนมสารคาม มีแผนการลงทุนผลิต Bio Energy, Bio Refinery, Pharmaceutical & Cosmetics, Food & Feed for future, Social Enterprise and Tourism, R&D Innovation Center รวมถึงการพัฒนาระบบบริหารจัดการปลูกมันสำปะหลังแบบครบวงจรพร้อมตลาดโรงงานอุตสาหกรรมรองรับ (BioMatlink) เพื่อรวบรวมมันสำปะหลังจากเกษตรกร ผ่านศูนย์รวบรวมรับซื้อ ตรวจสอบคุณภาพ แปรรูป เก็บสตอก และกระจายสินค้า

ส่วนจังหวัดลพบุรี กระทรวงฯ เร่งผลักดันให้ภาคเอกชนร่วมกับกลุ่มเกษตรกรจัดทำแผนการลงทุนโครงการลพบุรีไบโอคอมเพล็กซ์ ขนาด 2,500 ไร่ มูลค่าการลงทุน 32,000 ล้านบาท ตั้งอยู่ที่ตำบลหนองเมือง ตำบลดอนดึง อำเภอบ้านหมี่ มีแผนการลงทุนผลิตอุตสาหกรรมที่เน้นเทคโนโลยีและนวัตกรรมขั้นสูงด้านการแปรรูปผลิตผลทางการเกษตรและพลังงานทดแทน ได้แก่ เอทานอลจากน้ำอ้อย เชื้อเพลิงชีวมวล ก๊าซชีวภาพ ปุ๋ยชีวภาพ และสารเคมีชีวภาพ เช่น กรดแลกติก ยีสต์และเอนไซม์ต่าง ๆ  รวมถึงอุตสาหกรรมการจัดการเกษตรขั้นสูง เพื่อลดต้นทุนให้กับเกษตรกรโดยสนับสนุนหลักการเกษตรสมัยใหม่ (Modern Farm)

นายสมชาย กล่าวว่า จะเร่งดำเนินการแต่ละมาตรการฯ ให้เกิดผลเป็นรูปธรรมอย่างต่อเนื่อง โดยเน้นการประชาสัมพันธ์มาตรการดังกล่าว เพื่อให้เกิดการขยายผลการดำเนินงานในพื้นที่ส่วนภูมิภาคที่มีศักยภาพของประเทศตามนโยบายของรัฐบาล รวมถึงเร่งผลักดันโครงการลงทุน Bio Hub ตามความพร้อมของภาคเอกชนในจังหวัดฉะเชิงเทรา อุบลราชธานี และลพบุรี จากพื้นที่นำร่องเดิมในเขต EEC เขตพื้นที่ภาคเหนือตอนล่าง (นครสวรรค์และกำแพงเพชร) และเขตพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนกลาง (ขอนแก่น) เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งส่วนกลางและภูมิภาคเร่งดำเนินการตามระเบียบให้เอื้อต่อการลงทุน ทำให้เกิดทิศทางการขับเคลื่อนประเทศไทยสู่เศรษฐกิจชีวภาพอย่างเป็นรูปธรรม.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” รายชื่อตรงตามโผ

กทม. 19 ก.ย.-โปรดเกล้าฯ ครม. “อนุทิน” นั่งนายกฯ ควบมหาดไทย พร้อมตั้ง รองนายกฯ 6 คน รมต.สำนักนายกฯ 4 คน ขณะรายชื่อตรงตามโผ ไม่มีเปลี่ยนแปลง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (19 ก.ย. 68) เวลา 09.30 น. เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศ สำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง แต่งตั้งคณะรัฐมนตรี โดยพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า ตามที่ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ตามประกาศลงวันที่ 7 กันยายนพุทธศักราช 2568 แล้วนั้น บัดนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้เลือกผู้ที่สมควรดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีเพื่อบริหารราชการแผ่นดินสืบต่อไปแล้ว อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 158 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย จึงทรงพระกรุณาโปรดเก้าแต่งตั้งรัฐมนตรีดังต่อไปนี้ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ […]

“เจ๊ปอง” น้ำตาคลอ เปิดใจหลังศาลฎีกาตีกลับยกฟ้อง

กรุงเทพฯ 19 ก.ย. – “เจ๊ปอง” น้ำตาคลอ เปิดใจหลังศาลฎีกาตีกลับยกฟ้อง เชื่อ 15 ปีที่ผ่านมา เป็นบทเรียนของชีวิต หลังจากนี้จะใช้ชีวิตของตัวเองอุทิศให้ประชาชนและประเทศชาติ ชี้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์บ้านเมืองว่าจะออกมาเคลื่อนไหวอีกหรือไม่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก สื่อมวลชนอาวุโส กล่าวขอบคุณกระบวนการยุติธรรม และศาลด้วยที่ความเมตตากับตนเอง ที่ผ่านมาเราต่อสู้ด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรม สำหรับการตัดสินในวันนี้ทำให้รู้สึกโล่งใจ ดีใจทำให้เรารู้ว่าหลังจากนี้เราจะใช้ชีวิตของเราอย่างไรต่อ เพราะถือว่าเป็นคดีสุดท้าย 15 ปีที่ผ่านมา เป็นบทเรียนของชีวิต ต่อจากนี้เป็นต้นไปขอทำหน้าที่สื่อมวลชนที่ดีเป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน เป็นประโยชน์กับประเทศชาติ มันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดชีวิตนี้จะอุทิศให้กับพี่น้องประชาชนและประเทศชาติ พร้อมบอกว่าเป็นคดีสุดท้ายใน 20 ปี ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา เราใช้วิชาชีพของตัวเองใช้ความเชี่ยวชาญของตัวเองรับใช้พี่น้องประชาชน ถือว่าเป็น 20 ปี ที่คุ้มมาก พี่น้องประชาชนให้กำลังใจเราเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะคนที่ร่วมมือกับเราในการแสวงหาข้อมูล เรารู้สึกว่ามีคนรักเรามาก และความจริงมีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น เรานำเสนอความจริง เมื่อถามว่าที่ผ่านรู้สึกอย่างไรได้มีเตรียมใจไว้หรือไม่ น.ส.อัญชะลี ระบุว่า ทุกอย่างเตรียมความพร้อม ทุกอย่างไม่ต้องแอบทำใจ หากเราสู้จนถึงที่สุดแล้วอะไรจะเกิดขึ้นก็ต้องเกิด ขอบคุณทุกหน่วยงานที่เคยช่วยเหลือทั้งในเรื่องเอกสาร หรืออื่นๆ ส่วนเหตุผลที่ศาลพิจารณายกฟ้องในคดีนี้ คือ ศาลเห็นว่าพยานให้การไม่ตรงกันในหลายประเด็นทั้งพยานวัตถุ […]

ศาลฎีกานัดฟังคำพิพากษาคดีม็อบพันธมิตรบุกยึด NBT ปี51

ศาลอาญา 19 ก.ย. – วันนี้ที่ศาลอาญา รัชดา ได้นัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกา หรือคดีแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยหรือ พธม. นำผู้ชุมนุมบุกยึดสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย หรือ NBT เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2551 หรือเมื่อ 17 ปีก่อน ในช่วงระหว่างการชุมนุมขับไล่รัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช ในขณะนั้น ซึ่งศาลอาญานัดฟังคำพิพากษาในเวลา 10:00 น. โดยคดีดังกล่าวมีจำเลย 4 คน ได้แก่ น.ส.อัญชะลี ไพรีรัก, นายภูวดล ทรงประเสริฐ, นายยุทธิยง ลิ้มเลิศวาที และนายชิติพัทธ์ ลิ้มทองกุล ซึ่งเป็นน้องชายของนายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำ พธม. ทั้งหมดถูกฟ้องในความผิดฐานร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป อั้งยี่ซ่องโจร บุกรุก และทำให้เสียทรัพย์ เนื่องจากปรากฏหลักฐานว่า จำเลยทั้งห้าเป็นระดับหัวหน้าและผู้สั่งการให้กระทำความผิด ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ได้มีจำเลยอีก 1 คน คือ นายสมเกียรติ […]

‘มาครง’ เตรียมเสนอหลักฐานยืนยัน ‘บริฌิตต์’ เป็นหญิงไม่ใช่ชาย

ปารีส 19 ก.ย. – ประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ผู้นำฝรั่งเศส และบริฌิตต์ ภริยา เตรียมเสนอหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ต่อศาลสหรัฐเพื่อพิสูจน์ว่าบริฌิตต์เป็นผู้หญิงจริงๆ ไม่ใช่ผู้ชาย ทนายความของประธานาธิบดีมาครงและบริฌิตต์ บอกว่า ทั้งคู่จะยื่นเอกสารเหล่านี้ในคดีหมิ่นประมาทที่ทั้งสองได้ยื่นฟ้อง แคนแดซ โอเวนส์ อินฟลูเอนเซอร์ฝ่ายขวาชาวอเมริกัน ที่เผยแพร่ความเชื่อของตนผ่านทางสื่อและรายการพ็อคแคสต์ของตนเองว่าบริฌิตต์ เกิดมาเป็นผู้ชาย ซึ่งเรื่องนี้ทำให้เธอเสียใจและไม่สบายใจอย่างมากกับข้อกล่าวหาดังกล่าว และเรื่องนี้รบกวนจิตใจของประธานาธิบดีฝรั่งเศส แม้จะไม่ได้ทำให้มาครงสมาธิหลุดจากภารกิจหน้าที่ของเขาในฐานะผู้นำประเทศ แต่มันก็เป็นเรื่องรบกวนจิตใจของคนที่ต้องรับผิดชอบทั้งเรื่องครอบครัวและเรื่องงาน ซึ่งตัวประธานาธิบดีก็ไม่มีข้อยกเว้น ในส่วนของการยื่นหลักฐานต่อศาลนั้น ทนายความของมาครงและภริยาบอกว่า ทั้งคู่พร้อมที่จะแสดงหลักฐานอย่างชัดเจนทั้งในภาพรวมและในรายละเอียด รวมถึงคำให้การจากผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งจะเป็นลักษณะทางวิทยาศาสตร์เพื่อพิสูจน์ว่าข้อกล่าวหานั้นเป็นเท็จ แม้จะเป็นกระบวนการที่บริฌิตต์จะต้องเผชิญต่อหน้าสาธารณชนอย่างเปิดเผย แต่เธอก็ยินดีที่จะทำ เธอตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะทำทุกอย่างที่จำเป็นเพื่อทำให้เรื่องนี้กระจ่าง สำหรับประเด็นเรื่องบริฌิตต์ เป็นผู้ชาย ถูกเผยแพร่ครั้งแรกตามสื่อออนไลน์ของฝ่ายขวาและกลุ่มต่อต้านวัคซีนในฝรั่งเศสตั้งแต่ปี 2021 ต่อมา แคนแดซ โอเวนส์ อดีตนักวิจารณ์ของเดลี่ไวร์ (Daily Wire) สำนักข่าวสายอนุรักษ์นิยมของสหรัฐฯ ซึ่งมีผู้ติดตามบนโซเชียลมีเดียหลายล้านคน ได้เผยแพร่มุมมองของตนเองหลายครั้งว่า บริฌิตต์ เป็นผู้ชาย ที่มีชื่อว่า ฌอง-มิเชล ทรอกโนซ์ (Jean-Michel Trogneux) ก่อนที่จะแปลงเพศในเวลาต่อมา ถึงขั้นอ้างว่าเธอพร้อมเดิมพันชื่อเสียงในอาชีพทั้งหมดของเธอกับข้อกล่าวหานี้ ส่งผลให้มาครงและภริยายื่นฟ้องต่อศาลสหรัฐฯ […]

ข่าวแนะนำ

นายกฯ รุดตรวจถนนยุบ สั่งเร่งหาสาเหตุ คุมสถานการณ์ได้แล้ว

สามเสน 24 ก.ย.- นายกฯ รุดตรวจเหตุถนนสามเสนยุบตัว ขึ้นตึกวชิรพยาบาล ดูมุมสูง ชี้ควบคุมสถานการณ์ได้แล้ว บอกไม่มีผู้บาดเจ็บ แต่ทรัพย์สินเสียหาย ห่วง สน.สามเสน เสาเข็มขาด 2-3 ต้น ประสานโรงพยาบาลในเครือ รองรับผู้ป่วย มอบโยธารวบรวมผู้เชี่ยวชาญหาสาเหตุที่แท้จริง ด้าน รฟม. น้อมรับชดเชยค่าเสียหายทุกอย่าง ขณะผู้ว่าฯ กทม. สั่งเตรียมเครื่องสูบน้ำ หวั่นฝนถล่มซ้ำ กันประชาชนเข้าใกล้รัศมี 100 เมตร ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเวลา 10.35 น. นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เดินทางลงพื้นที่จุดเกิดเหตุ ถนนสามเสน บริเวณด้านหน้า โรงพยาบาลวชิรพยาบาล โดยมี พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติและนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร รอรับและรายงานสถานการณ์ และการลงพื้นที่ครั้งนี้มี น.ส.มัลลิกา จิระพันธุ์วาณิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม และผู้บริหารกระทรวงคมนาคม นายวรโชติ สุคนธ์ขจร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายไชยชนก […]

สั่งหยุดก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีม่วง พื้นที่เกิดเหตุถนนทรุด

กรุงเทพ 24 ก.ย.- รฟม. สั่งการให้หยุดก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีม่วงในพื้นที่เกิดเหตุ หลังเกิดเหตุถนนทรุดตัว บริเวณหน้าทางเข้าโรงพยาบาลวชิรพยาบาล ถนนสามเสน ตามที่เกิดเหตุพื้นถนนทรุดตัว บริเวณหน้าทางเข้าโรงพยาบาลวชิรพยาบาล ถนนสามเสน ใกล้เคียงกับจุดก่อสร้างทางขึ้น-ลงที่ 4 สถานีวชิรพยาบาล (PP19) ของโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงเตาปูน – ราษฎร์บูรณะ (วงแหวนกาญจนาภิเษก) เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 24 กันยายน 2568 นั้น นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้แจ้งให้นางมัลลิกา จิระพันธุ์วานิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ ร่วมกับนายกาจผจญ อุดมธรรมภักดี ผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เพื่อกำกับดูแลการแก้ไขปัญหาอย่างใกล้ชิด โดยในเบื้องต้น ผู้ว่าการ รฟม. พร้อมด้วยผู้อำนวยการโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงฯ และทีมงาน ได้สั่งการให้หยุดการก่อสร้างบริเวณพื้นที่เกิดเหตุในทันที เพื่อตรวจสอบหาสาเหตุ พร้อมทั้งปิดกั้นพื้นที่ก่อสร้างบางส่วน และอพยพประชาชนโดยรอบออกจากพื้นที่เพื่อความปลอดภัย รฟม. ได้ประสานหน่วยงานสาธารณูปโภคที่เกี่ยวข้อง ทั้งการประปานครหลวง การไฟฟ้านครหลวง บริษัทโทรคมนาคม และตำรวจในพื้นที่ เพื่อเร่งแก้ไขสถานการณ์ รวมถึงจัดการจราจรในพื้นที่เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชนผู้สัญจร ทั้งนี้ […]

วชิรพยาบาลปิดรับผู้ป่วยนอก 2 วัน เหตุถนนทรุดไม่กระทบอาคาร

24 ก.ย.- คณบดีคณะแพทยศาสตร์วชิรพยาบาล ยันตัวอาคารโรงพยาบาลไม่ได้รับผลกระทบ ขอปิดรับผู้ป่วยนอก 2 วัน รับกังวลการมาทำงานของเจ้าหน้าที่ เมื่อวันที่ 24 ก.ย. ผศ.นพ.จักราวุธ มณีฤทธิ์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์วชิรพยาบาล กล่าวถึงกรณีการทรุดตัวลงของพื้นผิวถนนหน้าโรงพยาบาลวิชรพยาบาลว่า ตัวของโรงพยาบาลไม่มีผลกระทบอะไรเลย เพราะด้านหน้ามีกำแพงกั้นดินที่ลึกถึง 60 เมตร และตัวอาคารทีปังกรฯ มีกำแพงอยู่ แต่เพื่อความไม่ประมาทและการจราจรก็มีปัญหาจึงได้หยุดให้บริการตึกผู้ป่วยนอกเป็นเวลา 2 วัน และตึกดังกล่าวไม่ได้มีการอพยพผู้ป่วย เนื่องจากผู้ป่วยทั้งหมดในตึกนั้นเป็นผู้ป่วยนอกจึงไม่จำเป็นที่จะต้องอพยพ ทั้งนี้ หากมีเหตุจำเป็นและเป็นผู้ป่วยฉุกเฉินทางโรงพยาบาลยังเปิดให้บริการอยู่ ตอนนี้เราเป็นห่วงในเรื่องของการจราจรส่วนอาคารนั้นไม่ได้มีปัญหาอะไร ในส่วนของการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยก็ยังสามารถใช้ประตูอื่นบริเวณโดยรอบโรงพยาบาลได้ ส่วนที่เรากังวลคือการเดินทางมาทำงานของเจ้าหน้าที่ภายในโรงพยาบาล. -สำนักข่าวไทย

น้ำท่วมแม่แจ่มยังวิกฤติ

เชียงใหม่ 24 ก.ย.- “อำเภอแม่แจ่ม” น้ำท่วมยังวิกฤติ หลังฝนตกหนักบนดอย เช้านี้ลำน้ำแม่แจ่มเพิ่มระดับสูงขึ้นอีกครั้ง เตือนหมู่บ้านท้ายน้ำเตรียมรับมวลน้ำจากน้ำแม่หยอด-น้ำแม่แจ่ม ที่จะไหลมาสมทบกัน ขอให้อพยพกลุ่มเปราะบางและขนย้ายสิ่งของไว้บนที่สูง ภาพจากกล้องวงจรปิดเวลาตลาดสดเทศบาลแม่แจ่ม เช้านี้ (24 กันยายน 2568) ยังคงมีมวลน้ำจากลำน้ำแม่แจ่มไหลเอ่อเข้าท่วมถนนและในตลาดสดเพิ่มระดับขึ้นเรื่อยๆ หลังน้ำที่ท่วมเมื่อวานนี้เริ่มลดลง แต่เมื่อช่วงเช้ามืดวันนี้น้ำเพิ่มสูงขึ้น ทำให้น้ำที่ท่วมถนนหน้าที่ว่าการอำเภอแม่แจ่ม และบ้านเรือนของชาวบ้านในตำบลช่างเคิ่ง และตำบลท่าผา บางจุดท่วมสูง 70- 80 เซนติเมตร นายเกรียงศักดิ์ บุญตาปวน นายอำเภอแม่แจ่มให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่าขณะนี้สถานการณ์น้ำท่วมยังหนักอยู่ เนื่องจากมีน้ำจากบนดอยเติมมาตั้งแต่ช่วงตี 5 ของวันนี้ หลังน้ำที่ท่วมเมื่อวานนี้ลดลงในช่วงค่ำ แต่มีมวลน้ำมาเติมอีกระลอก น้ำที่ไหลมาท่วมวันนี้ถือว่าหนักกว่าเมื่อวานเพราะไหลมาจากอำเภอกัลยานิวัฒนา ซึ่งขณะนี้ทางอำเภอยังไม่สามารถประเมินสถานการณ์ได้ว่าน้ำจะเริ่มลดระดับลงเมื่อไหร่ถ้าหากฝนบนดอยยังตกมาเรื่อยๆ โดยน้ำท่วมครั้งนี้มีชาวบ้านได้รับความเดือดร้อนกว่า 700 หลังคาเรือน กระทบกว่า 3,000 คน โดยมีพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบหนักและต้องการความช่วยเหลือด่วน คือตำบลแม่นาจร สะพานไม้ขาด ถนนพัง ขณะนี้ทางผู้นำท้องถิ่นช่วยกันดูแลอยู่ อย่างไรก็ตามในส่วนของอำเภอแม่แจ่มและหน่วยงานส่วนราชการนั้น ระดมกำลังช่วยเหลือชาวบ้านกลุ่มเปราะบางและผู้สูงอายุ รวมทั้งได้ตั้งโรงครัวนำอาหารและน้ำดื่มแจกจ่ายให้ผู้ประสบภัย จัดตั้งศูนย์อพยพไว้ที่อำเภอและเทศบาลต่างๆ แต่ขณะนี้ชาวบ้านยังไม่มีการอพยพแต่อย่างใด เนื่องจากยังมีไฟฟ้าใช้ตามปกติและยังมีอาหารเพียงพอ มีเพียงบางส่วนที่ไปอาศัยบ้านญาติอยู่ชั่วคราว ข้อมูลจากสำนักงานป้องกันสาธารณภัยจังหวัดเชียงใหม่รายงานเมื่อวันที่ 23 […]