ทะเลสาบสันดอนกั้น

ฮวาเหลียน, ไต้หวัน, 24 ก.ย. – ประชาชนที่อาศัยในเมืองทางตะวันออกของไต้หวัน ซึ่งได้รับผลกระทบจากเหตุน้ำท่วมจากพายุไต้ฝุ่นรุนแรงที่คร่าชีวิตผู้คนไป 14 ราย รีบพากันไปหลบภัยในที่พักชั่วคราวด้วยความหวาดกลัวภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้นอีก ในขณะที่นายกรัฐมนตรีเฉา จุงไถ ได้สั่งให้มีการสอบสวนถึงความผิดพลาดในการออกคำสั่งอพยพประชาชน ไต้หวันซึ่งมักได้รับผลกระทบจากพายุไต้ฝุ่น มีกลไกการรับมือภัยพิบัติที่ค่อนข้างเป็นระบบที่ดีอยู่แล้ว และะมักจะป้องกันการสูญเสียรุนแรงได้โดยการอพยพผู้คนออกจากพื้นที่เสี่ยงอันตรายได้อย่างรวดเร็ว แต่ชาวบ้านหลายคนในเมืองกวงฟู่ ซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยวในเขตฮวาเหลียนที่ถูกน้ำท่วม กล่าวว่าไม่ได้รับการเตือนภัยที่มากเพียงพอเมื่อทะเลสาบสันดอนกั้น มีน้ำเอ่อล้นในช่วงที่ฝนตกหนักจากซูเปอร์ไต้ฝุ่นรากาซาเมื่อวันอังคาร นายเฉากล่าวว่า สิ่งสำคัญเร่งด่วนที่สุดในตอนนี้คือการตามหาผู้สูญหาย ซึ่งตัวเลขได้เพิ่มขึ้นเป็น 152 รายแล้ว สำหรับผู้เสียชีวิต 14 รายจะต้องมีการสอบสวนว่าทำไมคำสั่งอพยพจึงไม่ถูกดำเนินการในพื้นที่ที่กำหนดไว้ เขาระบุว่า ไม่ใช่เรื่องของการกล่าวโทษ แต่เป็นการค้นหาความจริง ทะเลสาบสันดอนกั้นมีน้ำล้นคันกั้นทำให้ปริมาณน้ำมหาศาลไหลเข้าท่วมเมืองกวงฟู่ ในขณะที่ฝนยังคงตกอย่างต่อเนื่องในเมืองฮวาเหลียน รถตำรวจได้แจ้งเตือนภัยน้ำท่วมครั้งใหม่ในเมืองกวงฟู่ในวันพุธ ทำให้ผู้คนต้องรีบหาพื้นที่ที่ปลอดภัย นายหวง เจ้าฉิน รองหัวหน้าศูนย์บัญชาการภัยพิบัติ กล่าวว่า ปริมาณน้ำฝนที่ลดลงและน้ำจากเขื่อนส่วนใหญ่ได้ถูกปล่อยออกไปแล้ว เขาจึงไม่คาดว่าจะเกิดเหตุน้ำท่วมครั้งใหญ่ซ้ำรอยเหมือนเมื่อวันอังคาร ไต้หวันถูกพายุพัดถล่มตั้งแต่วันจันทร์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของไต้ฝุ่นรากาซา ซึ่งถูกลดระดับจากซูเปอร์ไต้ฝุ่นแล้วและขณะนี้กำลังพัดถล่มชายฝั่งทางใต้ของจีนและฮ่องกง พายุไต้ฝุ่นได้ทำให้มีฝนตกประมาณ 700 มิลลิเมตร ในพื้นที่ทางตะวันออกของไต้หวัน แต่พื้นที่ชายฝั่งตะวันตกที่มีประชากรหนาแน่นและเป็นที่ตั้งของอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ที่สำคัญไม่ได้รับผลกระทบรุนแรง.-813.-สำนักข่าวไทย