สิงคโปร์ 29 ส.ค. – ชาวสิงคโปร์จำนวนมากยังคงสวมหน้ากากอนามัยต่อไป แม้สิงคโปร์ยกเลิกคำสั่งบังคับประชาชนสวมหน้ากากอนามัยในสถานที่ปิดตั้งแต่วันนี้ ซึ่งถือเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ใช้คำสั่งดังกล่าวมาเป็นเวลานานกว่า 2 ปี
หนังสือพิมพ์เดอะสเตรทไทมส์ของสิงคโปร์รายงานวันนี้ว่า แม้รัฐบาลสิงคโปร์ได้ประกาศยกเลิกคำสั่งบังคับประชาชนสวมหน้ากากอนามัยในสถานที่ปิดตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป แต่จากการสำรวจของเดอะสเตรทไทมส์ในห้างสรรพสินค้าและโรงเรียนทั่วสิงคโปร์พบว่า ประชาชนจำนวนมากยังคงสวมหน้ากากอนามัยในสถานที่ปิด หลายคนให้เหตุผลที่ตัดสินใจสวมหน้ากากอนามัยว่าเป็นเพราะต้องการป้องกันสุขภาพร่างกายของตนเอง และไม่ต้องการติดเชื้อโควิด ซึ่งจะทำให้สมาชิกในครอบครัวที่ใกล้ชิดต้องตกเป็นกลุ่มเสี่ยง
เดอะสเตรทไทมส์ยังได้ลงพื้นที่สำรวจห้างสรรพสินค้าเคลเมนติ มอลล์ (Clementi Mall) เมื่อเวลา 10.30 น. ของวันนี้ตามเวลาท้องถิ่น และพบว่า มีประชาชนร้อยละ 80 ที่ยังสวมหน้ากากอนามัยขณะเดินอยู่ในห้างสรรพสินค้า เช่นเดียวกับประชาชนส่วนใหญ่ในห้างสรรพสินค้าคอมพาสส์ วัน มอลล์ (Compass One Mall) ในย่านเซงกัง ที่ยังคงสวมหน้ากากอนามัย ขณะที่คุณครูชาวสิงคโปร์ประจำโรงเรียนอนุบาลแห่งหนึ่งระบุว่า เธอต้องปรับตัวอย่างมากในการถอดหน้ากากอนามัยขณะสอนนักเรียน โดยเฉพาะช่วงที่สอนในห้องเรียน และนักเรียนก็ต้องปรับตัวเช่นกัน เช่น นักเรียนคนหนึ่งที่เธอดูแลอยู่ไม่เคยเห็นหน้าเธอตอนถอดหน้ากากอนามัยมาก่อน แต่วันนี้เป็นวันแรกที่ถอดหน้ากากได้ เด็กคนนี้จึงใช้เวลาจ้องหน้าเธออยู่นานเพื่อจดจำใบหน้า ก่อนหน้านี้ นายกรัฐมนตรีลี เซียนลุง ของสิงคโปร์ กล่าวสุนทรพจน์ประจำปีเมื่อวันที่ 21 สิงหาคมซึ่งจัดขึ้นหลังวันชาติ 9 สิงหาคมว่า เด็กเล็กต้องมีโอกาสได้เห็นสีหน้าของคุณครูและเพื่อน ๆ ในห้องเรียน เพราะเป็นสิ่งสำคัญในการเรียนรู้และเสริมสร้างพัฒนาการในด้านต่าง ๆ. -สำนักข่าวไทย