กรุงเทพฯ 24 ส.ค. – กรมชลประทาน ทำหนังสือแจ้งเตือน 6 จังหวัด รวม กทม.และปริมณฑล ให้เฝ้าระวังระดับน้ำแม่น้ำป่าสัก เนื่องจากจำเป็นต้องปรับเพิ่มการระบายน้ำเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์อีกครั้ง ตั้งแต่วันที่ 29 ส.ค. เพื่อรองรับน้ำเหนือที่จะไหลลงมาจาก จ.เพชรบูรณ์ ซึ่งจะส่งผลให้น้ำแม่น้ำป่าสัก ตั้งแต่เขื่อนพระรามหก ลงไปถึง อ.พระนครศรีอยุธยา มีระดับสูงขึ้น 1.00-1.50 เมตร
นายประพิศ จันทร์มา อธิบดีกรมชลประทาน กล่าวว่า ฝนที่ตกหนักใน จ.เพชรบูรณ์ ซึ่งเป็นน้ำของแม่น้ำป่าสัก อย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อวันที่ 16 สิงหาคม ที่สถานี S.33 อ.หล่มเก่า จ.เพชรบูรณ์ ช่วงเวลา 23.00-01.30 น. วัดปริมาณน้ำฝนได้ 159 มิลลิเมตร ส่งผลให้ระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้น ประกอบกับคลองสะดวงใหญ่ ซึ่งเป็นลำน้ำสาขา มีน้ำป่าไหลลงมาสมทบ ส่งผลให้ระดับน้ำที่สถานี T5.2 อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ เพิ่มสูงขึ้น ปริมาณน้ำดังกล่าวไหลเข้าเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ในปริมาณมาก
ทั้งนี้ กรมชลประทาน ได้คาดการณ์ปริมาณน้ำที่จะเกิดจากปริมาณฝนตามคาดการณ์ของกรมอุตุนิยมวิทยา และสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (สสน.) จะมีปริมาณน้ำท่าไหลลงเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ในระหว่างวันที่ 24-30 สิงหาคม รวม 133.26 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งจะทำให้ปริมาตรน้ำในเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์มี 355 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ปฏิบัติการอ่างเก็บน้ำ ดังนั้น จึงต้องควบคุมระดับน้ำและปริมาณน้ำให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม เพื่อรองรับน้ำเหนือในช่วงถัดไป
การปรับเพิ่มการระบายน้ำจากเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์จะปรับแบบเป็นขั้นบันได ตั้งแต่วันที่ 27 สิงหาคม 2565 เป็นต้นไป จากอัตรา 34.56 ล้านลูกบาศก์เมตร/วัน เป็น 43.20 ล้านลูกบาศก์เมตร/วัน หรือจาก 400 ลูกบาศก์เมตร/วินาที เป็นประมาณ 500 ลูกบาศก์เมตร/วินาที เมื่อน้ำจำนวนนี้ไหลลงไปรวมกับปริมาณน้ำจากคลองชัยนาท-ป่าสักแล้ว จะควบคุมปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนพระรามหก ในอัตราไม่เกิน 600 ลูกบาศก์เมตร/วินาที
จากสถานการณ์ดังกล่าวจะส่งผลให้พื้นที่ริมแม่น้ำป่าสัก ตั้งแต่ท้ายเขื่อนพระรามหก อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา จนถึงจุดบรรจบแม่น้ำเจ้าพระยา อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา ระดับน้ำจะเพิ่มสูงขึ้นจากปัจจุบันประมาณ 1.00-1.50 เมตร
ล่าสุดกรมชลประทาน ทำหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัด 6 จังหวัด ได้แก่ ลพบุรี สระบุรี พระนครศรีอยุธยา นนทบุรีปทุมธานี และกรุงเทพมหานคร ตลอดจนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อประชาสัมพันธ์ แจ้งเตือน บริษัทห้างร้านที่ประกอบกิจการในแม่น้ำป่าสัก อาทิ งานก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่ง แพร้านอาหาร เป็นต้น รวมทั้งประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ริมสองฝั่งแม่น้ำป่าสัก ขอให้เฝ้าระวังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
สำหรับพื้นที่ท้ายเขื่อนซึ่งคาดว่าจะได้รับผลกระทบเป็นที่แรก โดยใช้เกณฑ์การระบายน้ำต่ำสุด 500 ลูกบาศก์เมตร/วินาที ที่ส่งผลกระทบกับพื้นที่เสี่ยงในปี 2564 คือ ตลาดน้ำต้นตาล ต.ต้นตาล อ.เสาไห้ จ0สระบุรี ซึ่งเป็นจุดที่มีการรุกล้ำลำน้ำ กรมชลประทานจะปฏิบัติตามระบบการแจ้งเตือนพื้นที่เสี่ยงให้รับทราบล่วงหน้าและทั่วถึง เพื่อให้ประชาชนขนย้ายสิ่งของล่วงหน้า
นายประพิศ กล่าวย้ำว่า จะบริหารจัดการน้ำเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ในอัตราดังกล่าวอย่างเต็มศักยภาพ รวมทั้งควบคุมปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม โดยให้เกิดผลกระทบต่อประชาชนน้อยที่สุด.-สำนักข่าวไทย