วอชิงตัน 1 ก.พ. – กลุ่มนักการทูตสหรัฐราว 900 คน ได้ร่วมลงนามในบันทึกประท้วงคำสั่งของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ห้ามนักดินทางและผู้อพยพจาก 7 ประเทศที่ประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวมุสลิม เข้าประเทศสหรัฐเป็นการชั่วคราว ซึ่งเป็นการแสดงการท้าทายนโยบายใหม่ของผู้นำสหรัฐ
เจ้าหน้าที่กระทรวงต่างประเทศสหรัฐคนหนึ่งยืนยันว่า นักการทูตราว 900 คนที่ประจำอยู่ในประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก ลงชื่อในจดหมายที่เป็น บันทึกข้อความเห็นต่าง ส่งไปยังนายทอม แชนนอน รักษาการรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐผ่านทางช่องทางของกระทรวงต่างประเทศที่เรียกว่า ดิสเซนท์ แชนแนล ซึ่งเป็นช่องทางการสื่อสารให้แก่เจ้าหน้าที่การทูตที่สามารถแสดงความไม่เห็นด้วยกับนโยบายรัฐบาลได้ ในขณะที่นายฌอน สไปเซอร์ โฆษกประจำทำเนียบขาวกล่าวว่า เขารับทราบเรื่องบันทึกดังกล่าวแล้วและเตือนบรรดานักการทูตว่า ควรจะปฏิบัติตามนโยบายหรือไม่ก็ลาออกไป เขากล่าวว่า มาตรการห้ามเข้าประเทศนี้มีความจำเป็นเพื่อชลอการเดินทางเข้าประเทศของประชาชนจากประเทศที่มีกลุ่มสุดขั้วที่ใช้ความรุนแรงเป็นจำนวนมากในขณะที่รัฐบาลกำลังร่างมาตรการที่เข้มงวดเพื่อป้องกันกลุ่มก่อการร้ายมิให้เข้าประเทศ
ในร่างบันทึกดังกล่าว ซึ่งมีการเปิดเผยอย่างไม่เป็นทางการ ระบุว่า คำสั่งทางการบริหารของประธานาธิบดีทรัมป์ดังกล่าวจะกระทบความสัมพันธ์กับประเทศที่ได้รับผลกระทบ สร้างความรู้สึกต่อต้านชาวอเมริกันมากยิ่งขึ้นและกระทบกับผู้ที่ต้องการเดินางมาเยือนสหรัฐด้วยเหตุผลทางด้านมนุษยธรรม นอกจากนั้น ยังระบุว่า นโยบายดั้งกล่าวสวนทางกับค่านิยมหลักของอเมริกาว่าด้วยการไม่เลือกปฏิบัติ การปฏิบัติอย่างเป็นธรรมและการต้อนรับนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศและผู้ที่เดินทางย้ายถิ่นฐาน
ประธานาธิบดีทรัมป์สั่งห้ามนักท่องเที่ยวจากอิรัก อิหร่าน ลิเบีย โซมาเลีย ซูดาน ซีเรีย และเยเมน เข้าประเทศเป็นเวลา 90 วัน และสั่งระงับการเข้าประเทศของผู้อพยพจากทุกประเทศเป็นเวลาอย่างน้อย 120 วัน และห้ามผู้อพยพจากซีเรียเข้าประเทศอย่างไม่มีกำหนด.-สำนักข่าวไทย