กรุงเทพฯ 30 ก.ย. – รฟม. แจงความคืบหน้าแก้ปัญหาถนนทรุดตัวหน้า รพ.วชิรพยาบาล – เร่งถมทราย เปิดผิวจราจรภายใน 6 วัน
นายกิตติ เอกวัลลภ ผู้ช่วยผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย พร้อมด้วย นพ.จักราวุธ มณีฤทธิ์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์วชิรพยาบาล, นายวัชรพล คงสวัสดิ์ ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารงานก่อสร้าง และนายเทียนชัย วงศ์สุวรรณ ผู้อำนวยการเขตดุสิต เปิดเผยความคืบหน้าในการแก้ไขปัญหา ถนนทรุดตัวบริเวณหน้าโรงพยาบาลวชิรพยาบาล ซึ่งส่งผลกระทบต่อการจราจรและการเข้ารับบริการของประชาชนจำนวนมาก โดยขณะนี้ได้เร่งดำเนินการถมทราย พร้อมวางแผนเปิดผิวจราจรให้ทันใช้งานภายใน 6 วัน
นายกิตติกร เปิดเผยว่า เมื่อวานนี้ รฟม. ได้ใช้เครนขนาด 200 ตันในการเคลื่อนย้ายหม้อแปลงไฟฟ้าและโครงสร้างต่าง ๆ ที่กีดขวางบริเวณจุดเกิดเหตุ พร้อมตัดท่อประปาให้มีขนาดเล็กลง และยกพ้นพื้นที่แล้ว โดยตามแผนในช่วงเช้าวันนี้จะเริ่มดำเนินการถมทรายในลักษณะ “เลเยอร์ต่อเลเยอร์”
อย่างไรก็ตาม ขณะเตรียมถมทราย ได้พบว่าใต้พื้นถนนมีโพรงดิน 2 จุด จุดแรกอยู่ใกล้ท่อประปา ขนาดประมาณ 30 เซนติเมตร ส่วนอีกจุดอยู่บริเวณขอบกำแพง คาดว่าเกิดจากการหดตัวของคอนกรีตที่เคยเทไว้ก่อนหน้านี้ ทำให้ต้องปรับแผนการถมทรายใหม่ โดยจะเพิ่มความระมัดระวังในการเช็คค่าความแน่น และติดตามการทรุดตัวอย่างใกล้ชิด ขณะนี้เราตั้งเป้าใช้ทรายถมวันละประมาณ 2,000 คิว และจะเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จตามแผนภายใน 6 วัน เพื่อคืนผิวจราจร 2 ช่องทางให้ใช้งานได้โดยเร็ว
ด้านนายเทียนชัย กล่าวว่า การทำงานบริเวณดังกล่าวยังมีอุปสรรคจากรถบรรทุกขนาดใหญ่ที่ต้องเข้าหน้างาน ส่งผลให้การจราจรติดขัด และกระทบต่อประชาชนที่เดินทางมารับบริการที่โรงพยาบาล ทางเขตจึงประสานให้มีรถอำนวยความสะดวกคอยรับส่งผู้ป่วยและญาติ โดยมีรถบริการ 3 คัน วิ่งรับ-ส่งจากจุดหลัก เช่น ศรีย่าน, สถานีรถไฟฟ้าสิรินธร และหน้าซอยสามเสน 13 และขอความร่วมมือให้ประชาชนเลี่ยงการใช้เส้นทางหน้าโรงพยาบาลหากไม่จำเป็น และแนะนำให้ใช้ขนส่งสาธารณะหรือเดินทางโดยทางเรือ ซึ่งเป็นอีกทางเลือกที่ช่วยบรรเทาปัญหาการจราจรได้
ด้าน นพ.จักราวุธ กล่าวว่า วันนี้มีผู้มารับบริการในโรงพยาบาลกว่า 4,000 ราย รวมกับญาติประมาณ 8,000 คน แม้จะมีปัญหาจราจรบ้าง แต่การบริการภายในยังสามารถดำเนินการได้ตามปกติ โดยส่วนใหญ่ประชาชนให้ความร่วมมือด้วยการเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะ
สำหรับวันพรุ่งนี้ ซึ่งเป็นวันพุธวันที่มีคนไข้มากที่สุดตามปกติ คาดว่าจะมีผู้มารับบริการราว 5,000 ราย จากเดิมที่มักแตะระดับ 7,000 ราย เนื่องจากผู้ป่วยบางส่วนได้ทยอยเข้ามารับยาและรักษาล่วงหน้าไปแล้วจากเหตุเลื่อนนัดเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
ในส่วนของงบประมาณ นายกิตติกร ระบุว่า ยังไม่ได้มีการประเมินวงเงินซ่อมแซมอย่างเป็นทางการ เพราะต้องเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จตามแผนก่อน โดยขณะนี้เน้นเป้าหมายสำคัญคือการเปิดผิวจราจรให้สามารถใช้งานได้ตามปกติภายใน 6 วัน. -420- สำนักข่าวไทย