30 ก.ย. – “กฤษอนงค์” ให้ปากคำครั้งที่ 3 คดี “บอสปัน–หนุ่มกรรชัย” หลังศาลยกฟ้องข้อหากรรโชกทรัพย์ เดินหน้าสู้ต่อชั้นอุทธรณ์ เปิดใจหลังติดคุก 264 วัน เผยเจ็บปวดถูกสังคมตัดสินล่วงหน้า
นางสาวกฤษอนงค์ สุวรรณวงศ์ พร้อมนายเตชสิทธิ์ สีแดง ทนายความ เข้าพบพนักงานสอบสวน เพื่อให้ปากคำเพิ่มเติมในคดีของนางสาวปัญจรัศม์ หรือ บอสปัน ดิไอคอน กรณีคลิปเสียง 20 ล้านบาท และคดีนายกรรชัย กําเนิดพลอย หรือหนุ่มกรรชัย หลังจากที่ได้ออกจากเรือนจำ ตั้งแต่วันที่ 8 สิงหาคม 2568 ได้ประกันตัวในวงเงิน 200,000 บาท โดยมีเงื่อนไขติดกำไล EM ตลอดเวลา
ทนายเตชสิทธิ์ เปิดเผยว่า กรณีนี้ทางด้านบอสปัน ผู้รับมอบอำนาจจากบริษัท ดิไอคอน ที่ได้มาแจ้งความดำเนินคดีกับนางสาวกฤษอนงค์ และประเด็นเรื่องการไปพาดพิงคนและเงิน 20 ล้านบาท ทางด้านของนางสาวกฤษอนงค์ จึงได้นำเอกสารหลักฐานมาชี้แจงกับพนักงานสอบสวนเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ เพราะสิ่งที่เราได้รับเกี่ยวกับเรื่องของการกล่าวหา เพราะอยู่ในเรือนจำไม่สามารถชี้แจงได้ วันนี้จึงรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมด ว่าเกิดจากอะไรเพื่อมามอบให้กับพนักงานสอบสวน
นางสาวกฤษอนงค์ กล่าวว่า พนักงานสอบสวน ได้เรียกมาให้ปากคำเพิ่มเติมครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 ซึ่ง 2 ครั้งแรกก็ให้ปากคำไปแล้วอยู่ที่เรือนจำ วันนี้สอบปากคำเพิ่มเติมในประเด็นของแผนงาน ในรายละเอียดต่างๆ เลยนำเอกสารมาประกอบหลักฐานในการสอบปากคำ เพราะตอนที่อยู่ในเรือนจำ ไม่ได้มีโอกาสออกมาชี้แจงความบริสุทธิ์ใจและศาลชั้นต้น ได้ยกฟ้องในข้อหากรรโชกทรัพย์ หรือว่าตบทรัพย์ ซึ่งยอมรับว่าก่อนหน้านี้ถูกตัดสินจากสื่อและสังคมว่าเป็นนักตบทรัพย์และกรรโชกทรัพย์ โดยที่ศาลยังไม่ทำหน้าที่ในการตัดสิน กระบวนการยุติธรรมยังไม่จบ และวันนี้คดีนี้ก็ได้มีการยกฟ้องแล้ว จึงอยากจะมาชี้แจงให้สังคมได้รับรู้ และเป็นกรณีศึกษาให้สังคมได้รู้ว่าถ้ามีคนที่โดนกระทำในลักษณะแบบนี้แล้วศาลยังไม่ตัดสินและยังเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่ ก็อยากให้สังคมและสื่อมวลชนอย่ารีบด่วนตัดสิน ว่ากระทำความผิด ต้องให้ศาลเป็นคนตัดสินเท่านั้น
อย่างวันนี้ข้อหาของตน ในอาญาทุจริตประพฤติมิชอบกลาง โดนแจ้งข้อกล่าวหา 2 ข้อ คือกรรโชกทรัพย์หรือตบทรัพย์ และเป็นตัวกลางเรียกรับทรัพย์ศาลยกฟ้อง ในกรณีกรรโชกทรัพย์ ที่สังคมได้ตัดสินไปแล้วว่ากระทำความผิด ตัวเองโดนแค่ข้อหา “ตัวกลางเรียกรับทรัพย์” ซึ่งโดนจำคุก 3 ปี ให้การเป็นประโยชน์เหลือ 2 ปี และอยู่ในเรือนจำมาเกือบ 1 ปี ซึ่งก็เหลืออีก 1 ปี พยายามทำทุกอย่างแต่ก็ไม่สามารถประกันตัวได้ และที่ประกันตัวได้นั้นเป็นเพราะพ่อและทางทนายความพยายามช่วย ศาลก็เลยเมตตาให้ออกมาสู้กันในชั้นอุทธรณ์
ในส่วนของคดีกรรโชกทรัพย์ จากคำกล่าวอ้าง ทางด้านของบอสปันนั้นไม่ได้จ่ายเงินเพราะความกลัว เพราะการจ่ายเงินเป็นการจ่ายทิ้งช่วงไปนานแล้ว ก่อนที่จะมีผู้เสียหายเข้ามาร้องเรียน และบอสปันก็ทำตาม คำแนะนำทุกอย่างของตน ซึ่งศาลตัดสินว่าคดีนี้ไม่ได้จ่ายเพราะความกลัวแต่เป็นข้อตกลงระหว่างบอสปันกับตน ตอนนี้เหลือแค่คดีเดียว และสบายใจขึ้น เพราะไม่น่าจะมีอะไรหนักไปกว่า 264 วัน ที่อยู่ในเรือนจำ อีกเรื่องที่อยากชี้แจง คือเรื่อง ที่ได้แนะนำ บอสปัน, บอสพอลไปแล้วก่อนที่จะโดนเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมและได้แนะนำว่า อยากให้ชดใช้ค่าเสียหายให้กับผู้เสียหาย โดยการคุยผ่านไลน์ ซึ่งตัวเองก็แคปหน้าจอ หลักฐาน ในการพูดคุยกับบอสปันมาให้เจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว และขอยืนยันว่าไม่ได้อยู่ข้างบริษัท ตัวเองเป็นกลาง จะช่วยเหลือทุกคนทั้งบริษัทและผู้เสียหาย ทางผู้เสียหายไม่ได้มีที่พึ่งพา และมีความรู้ทางด้านกฎหมาย ผู้เสียหายได้ไปขอความช่วยเหลือจากทางรัฐบาลแต่ทางรัฐบาลไม่สามารถทำอะไรได้ ผู้เสียหายต้องมาขอความช่วยเหลือจากตน ซึ่งช่วยได้แค่เบื้องต้น อีกส่วนก็เข้าใจบริษัทในการทำธุรกิจ แล้วก็เข้าใจผู้เสียหาย จะไปทางไหนก็เจอปัญหา ซึ่งทางรัฐบาลเป็นผู้ที่ต้องมายื่นช่วยเหลือผู้เสียหายแต่กลับไม่ทำ ถ้ามาช่วยผู้ผู้เสียหายตั้งแต่แรกก็จะไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้
เมื่อถามว่า อยากจะกลับมาช่วยเหลือสังคมอีกไหม นางสาวกฤษอนงค์ บอกว่า ให้พูดตามจริง ตัวเองก็ได้บทเรียน จากการติดคุกมา 264 วัน ว่าการเป็นกลางนั้น ทำให้เดือดร้อน ทำให้บ้านต้องโดนยึด ทรัพย์สินโดนยึด ลูกต้องย้ายโรงเรียน นี่คือบทเรียนที่ได้รับ เงินจะใช้ยังไม่มีต้องมาหยิบยืมกับทนายในการดูแลตัวเอง สุดท้ายแล้วก็ไม่มีใครมารับผิดชอบต้องช่วยเหลือตัวเองกับการกระทำที่ตัวเองเคยทำไว้ บทบาทการช่วยเหลือสังคมสำหรับตัวเองก็อาจจะไม่เหมาะสมอีกต่อไป เพราะคนที่เป็นกลางแบบไม่มีอำนาจก็เหมือนไร้ประโยชน์ สุดท้ายก็กลายเป็นเครื่องมือของโจร และตอนนี้ก็ยังได้รับผลกระทบจากการโดนข่มขู่ เพราะว่าตนเปิดเผยว่าจะเอาหลักฐานเอกสารไปให้ ทางด้านของ DSI เพราะว่ายังมีผู้ที่ร่วมขบวนการ แถว 2 และแถว 3 ยังไม่ติดคุก เพราะติดไปแค่ 16 คนเอง ดังนั้นก็ยังมีผู้ที่กระทำความผิดอยู่ข้างนอกพร้อมที่จะข่มขู่ได้ตลอดเวลา
ส่วนคดีที่เหลืออยู่ก็จะเป็นของทางด้านหนุ่มกรรชัย รวมถึงคดีนางสาวจิราพร สินธุไพร อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีไทย และของบอสปัน ซึ่งแต่ละคดีรอทำเอกสารแจ้งไปทาง พนักงานสอบสวน เพื่อต่อสู้ทางคดีต่อไป. -419-สำนักข่าวไทย