สิงคโปร์ 23 เม.ย.- ครอบครัวของชายชาวสิงคโปร์ขอความเมตตาจากประธานาธิบดีและขอให้มีการพิจารณาคดีใหม่ ก่อนที่เขาจะถูกแขวนคอประหารชีวิตในสัปดาห์หน้า ในคดีลอบนำกัญชามากกว่า 1 กิโลกรัมเข้าประเทศ
ชายชาวสิงคโปร์เชื้อสายอินเดียวัย 46 ปี ถูกตัดสินในปี 2560 ว่ามีความผิดโทษฐานคบคิดลอบนำเข้ากัญชาน้ำหนัก 1,017.9 กรัม ซึ่งมากกว่า 2 เท่าของปริมาณขั้นต่ำที่จะต้องถูกลงโทษประหารชีวิต ศาลชั้นต้นตัดสินในปีถัดมาให้ประหารชีวิต และศาลอุทธรณ์มีคำพิพากษายืนให้ประหารชีวิต และจะมีการลงโทษด้วยการแขวนคอในวันพุธนี้ ครอบครัวของเขาแถลงข่าวเป็นภาษาทมิฬในวันนี้ว่า เขาไม่ได้รับการไต่สวนที่เป็นธรรม พวกเขาจะยื่นคำร้องขอความเมตตาจากประธานาธิบดี และเชื่อว่าประธานาธิบดีจะอ่านทุกคำร้อง
ครอบครัวและนักเคลื่อนไหวด้านสิทธิชี้ว่า คดีนี้มีช่องโหว่ ผู้ต้องหาไม่เคยจับต้องกัญชาที่เป็นของกลาง และถูกตำรวจสอบปากคำโดยไม่มีทนาย อีกทั้งยังไม่มีล่ามแปลภาษาทมิฬในช่วงที่ถูกบันทึกคำให้การกับตำรวจครั้งแรกด้วย ขณะที่สำนักงานปราบปรามยาเสพติดชี้แจงว่า ผู้ต้องหามีทนายให้คำปรึกษาตลอดกระบวนการ และผู้พิพากษาพบว่าผู้ต้องหามีความไม่จริงใจ เนื่องจากไม่ได้ร้องขอล่ามแปลภาษาทมิฬขณะให้ปากคำในภายหลัง
สิงคโปร์กลับมาใช้การลงโทษประหารชีวิตด้วยการแขวนคออีกครั้งเมื่อเดือนมีนาคม 2565 หลังจากงดไปนานกว่า 2 ปี โดยเมื่อปีที่แล้วมีการแขวนคอ 11 ครั้ง ทั้งหมดเป็นคดียาเสพติด ส่วนการแขวนคอที่หากจะมีขึ้นในวันพุธนี้จะเป็นครั้งแรกในรอบ 6 เดือน.-สำนักข่าวไทย