กรุงเทพฯ 30 ก.ย. – กรมชลประทาน ปรับเพิ่มการระบายน้ำเขื่อนเจ้าพระยา ที่ 2,300 ลบ.ม./วินาที หลังพายุ “บัวลอย” ทำฝนตกหนัก ขณะที่เขื่อนพระราม 6 ยังระบายน้ำเกินเกณฑ์ “ธงแดง”
กรมชลประทาน รายงานว่า จากอิทธิพลพายุ “บัวลอย” ร่วมกับร่องมรสุมกำลังแรงที่พาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย มีกำลังแรงขึ้นตอนบนที่ไหลมาสมทบอย่างต่อเนื่องและฝนที่ตกในระยะนี้ ทำให้ตั้งแต่เมื่อวานนี้ ตั้งแต่เวลา 13.00 – 19.00 น. ได้ทยอยปรับเพิ่มการระบายน้ำผ่านเขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาท จากอัตรา 2,200 ลบ.ม./วินาที เป็น 2,300 ลบ.ม./วินาที และคงอัตราดังกล่าวต่อเนื่องมาจนถึงขณะนื้ เพื่อให้สอดคล้องกับปริมาณน้ำทางตอนบนที่ไหลมาสมทบอย่างต่อเนื่องและฝนที่ตกในระยะนี้
ขณะที่ระดับน้ำท้ายเขื่อนเจ้าพระยายังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยได้บริหารจัดการน้ำเหนือเขื่อนเจ้าพระยา ด้วยการหน่วงน้ำไว้ด้านเหนือ พร้อมรับน้ำเข้าระบบชลประทานทั้ง 2 ฝั่ง ตามศักยภาพของคลอง เพื่อลดผลกระทบให้ได้มากที่สุด ส่งผลให้พื้นที่นอกคั้นกันน้ำบริเวณด้านท้ายเขื่อนที่ได้รับผลกระทบ ได้แก่
-คลองโผงเผง, วัดไชโย, อ.ป่าโมก จ.อ่างทอง
-คลองบางบาล ต.หัวเวียง อ.เสนา, ต.ลาดชิด ต.ท่าดินแดง อ.ผักไห่ จ.พระนครศรีอยุธยา ที่อยู่ติดกับแม่น้ำน้อย
-วัดสิงห์ อ.อินทร์บุรี, อ.เมือง, อ.พรหมบุรี วัดเสือข้าม อ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี
-ต.โพนางดำ อ.สรรพยา จ.ชัยนาท
ขณะที่กรมชลประทานปรับลดการระบายน้ำผ่านเขื่อนพระราม 6 อยู่ที่อัตรา 576 ลบ.ม./วินาที ลดลงจากเมื่อวานนี้ที่ 590 ลบ.ม./วินาที แต่ยังคงอยู่ในระดับ “ธงแดง” หรือเกินเกณฑ์วิกฤตระบายน้ำเกิน 550 ลบ./วินาที เนื่องจากต้องรองรับน้ำจากเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ที่วันนี้มีปริมาณน้ำในอ่างฯ 726 ล้าน ลบ.ม. หรือคิดเป็น 76% ของความจุอ่างฯ และยังคงอัตราการระบายน้ำในอัตรา 600 ลบ.ม./วินาที อย่างต่อเนื่อง
ส่งผลพื้นที่เสี่ยงได้รับผลกระทบ ได้แก่ ชุมชนวัดสะตือ ต.ท่าหลวง และตลาดและเทศบาลตำบลท่าเรือ อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา ทั้งนี้ กรมชลประทาน จะบริหารจัดการน้ำเหนือเขื่อนพระราม 6 ด้วยการระบายน้ำเข้าคลองระพีพัฒน์ เพื่อควบคุมระดับน้ำเหนือเขื่อนให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสมและช่วยลดผลกระทบด้านท้ายน้ำให้ได้มากที่สุด.-516-สำนักข่าวไทย