โตเกียว 9 ธ.ค. – ผลวิจัยของญี่ปุ่นระบุว่า เชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนแพร่เชื้อในระยะเริ่มต้นได้รวดเร็วกว่าเชื้อโควิดสายพันธุ์เดลตาถึง 4.2 เท่า ซึ่งถือเป็นการยืนยันข้อวิตกกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดที่ง่ายขึ้นของเชื้อดังกล่าว
นพ. ฮิโรชิ นิชิอูระ อาจารย์ประจำภาควิชาวิทยาศาสตร์สุขภาพและสิ่งแวดล้อมของมหาวิทยาลัยเกียวโตของญี่ปุ่น ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการสร้างตัวแบบเชิงคณิตศาสตร์ของโรคติดเชื้อ ได้วิเคราะห์ข้อมูลทางพันธุกรรมของผู้ป่วยติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนในจังหวัดเคาเต็งของแอฟริกาใต้ถึงวันที่ 26 พฤศจิกายน และพบว่า เชื้อโควิดสายพันธุ์โอไมครอนสามารถแพร่เชื้อได้อย่างเร็วขึ้นถึง 4.2 เท่า รวมถึงหลบหลีกภูมิคุ้มกันที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติและจากการฉีดวัคซีนโควิดได้ดีขึ้นกว่าเดิม โดยที่เขาได้นำเสนอผลวิจัยดังกล่าวในที่ประชุมคณะกรรมการที่ปรึกษาของกระทรวงสาธารณสุขญี่ปุ่นเมื่อวันพุธ
อย่างไรก็ดี ผลวิจัยดังกล่าวยังไม่ได้รับการตรวจสอบโดยผู้เชี่ยวชาญด้านวิชาการและยังไม่ได้รับการตีพิมพ์เผยแพร่ในวารสารวิทยาศาสตร์ แต่ นพ. นิชิอูระได้ใช้วิธีการวิเคราะห์แบบเดียวกันกับที่เขาเคยใช้ในผลวิจัยเกี่ยวกับการคาดการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิดสายพันธุ์เดลตาในช่วงก่อนเปิดฉากการแข่งขันโตเกียวโอลิมปิก ซึ่งได้รับการตีพิมพ์ในวารสารการแพทย์ยูโรเซอร์เวียแลนซ์ (Eurosurveillance) ในเดือนกรกฎาคม
ในขณะเดียวกัน ทางการท้องถิ่นของกรุงโตเกียวรายงานวันนี้ว่า พบผู้ป่วยติดเชื้อโควิดรายใหม่ 17 คน และมียอดผู้ป่วยติดเชื้อต่ำกว่า 50 คนติดต่อกันเป็นเวลา 54 วัน และต่ำกว่า 30 คนเป็นเวลา 28 วัน ขณะนี้ ญี่ปุ่นมียอดผู้ป่วยติดเชื้อสะสมกว่า 1.7 ล้านคน และผู้เสียชีวิตกว่า 18,000 คน.-สำนักข่าวไทย