กรุงเทพฯ 10 มี.ค.-สมาคมผู้ค้าปลีกไทย เรียกร้องรัฐบาลคุมเข้มมาตรการสินค้านำเข้า ชี้แข่งขันแพลตฟอร์มข้ามชาติยาก เสนอแนะ 3 แนวทางรัฐแก้เร่งด่วน คุมเข้มคุณภาพ ปรับโครงสร้างภาษีและแก้ปัญหานอมินี ปิดช่องโหว่ธุรกิจต่างชาติ
นายณัฐ วงศ์พานิช ประธานสมาคมผู้ค้าปลีกไทย ระบุว่า ค้าปลีกไทยกำลังเผชิญแรงกดดันจากการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรม สินค้านำเข้าราคาถูกทะลักเข้าสู่ตลาดไทย ขณะที่แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซข้ามชาติเข้าครองส่วนแบ่งตลาด โดยอาศัยช่องโหว่ทางกฎหมาย เปิดทางให้มีการใช้ “นอมินี” ดำเนินธุรกิจสีเทา การทำตลาดแบบ B2C ซึ่งกฎหมายไทยยังควบคุมได้ไม่ทั่วถึง ส่งผลให้ผู้ประกอบการไทยเสียส่วนแบ่งตลาดและหลายธุรกิจต้องปิดตัวลง
โดยปัญหาหลักประกอบด้วย สินค้านำเข้าราคาต่ำ ไม่สะท้อนต้นทุนที่แท้จริง ทำให้ธุรกิจไทยแข่งขันลำบาก ผลกระทบเกิดขึ้นทั้งผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะ SMEs ที่มีกว่า 3.3 ล้านราย โดยเป็นภาคค้าปลีกและบริการถึง 2.8 ล้านรายหรือเกือบ 90% และผู้บริโภคไทยก็กำลังตกอยู่ในความเสี่ยงจากสินค้านำเข้าหลายรายการไม่มีมาตรฐานด้านคุณภาพและความปลอดภัย อาทิ เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีฉลากภาษาไทย กระทบเสถียรภาพเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ
สมาคมฯ จึงขอเสนอแนะ 3 แนวทางเร่งด่วนแก่รัฐบาล เพื่อ สร้างสมดุลทางการแข่งขันและปกป้องเศรษฐกิจไทย ดังนี้
1.คุมเข้มคุณภาพสินค้านำเข้า ปกป้องผู้บริโภคไทย:
•สินค้าราคาถูกจากต่างประเทศจำนวนมากอาจมีคุณภาพต่ำ ไม่ผ่านมาตรฐานความปลอดภัย ซึ่งส่งผลกระทบต่อผู้บริโภคโดยตรง อาทิ เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องสำอางตกมาตรฐาน โดยเฉพาะไม่มีฉลากภาษาไทย
•ภาครัฐควรปรับปรุงกฏระเบียบให้สอดรับกับสถานการณ์ปัจจุบันและเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบสินค้านำเข้าตั้งแต่ต้นทาง เช่น กรมศุลกากรเปลี่ยนจากระบบสุ่มตรวจเป็นการตรวจสอบ 100% เพิ่มการใช้เทคโนโลยีมาเสริมประสิทธิภาพในการตรวจสอบให้แม่นยำ
•ปิดช่องโหว่ทางกฎหมายเกี่ยวกับการทุ่มตลาด เช่น การควบคุมราคาขั้นต่ำสำหรับสินค้านำเข้า ที่ต้องแสดงต้นทุนที่แท้จริง เพื่อป้องกันการขายตัดราคา
•เร่งเครื่องบทบาทภาครัฐ เช่น สำนักงานคณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า (กขค.) ควรเข้มงวดกฏหมายการแข่งขันทางการค้าในกรณีตั้งราคาสินค้าต่ำกว่าทุน และปรับปรุงกฏให้ครอบคลุมยิ่งขึ้น
2.ปรับโครงสร้างภาษีให้เป็นธรรม ลดความเหลื่อมล้ำในการแข่งขัน:
•การจัดเก็บภาษีแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซอย่างเท่าเทียม เพื่อสร้างความเป็นธรรมให้กับผู้ประกอบการและผลประโยชน์ของผู้บริโภคและประเทศชาติในระยะยาว
3.แก้ปัญหานอมินี ปิดช่องโหว่ธุรกิจต่างชาติ :
•ควรมีมาตรการตรวจสอบการจัดตั้งบริษัทที่อาจสวมสิทธิ์โดยชาวต่างชาติ เพื่อป้องกันการเลี่ยงกฎหมายธุรกิจต่างด้าว ซึ่งกำหนดให้ชาวต่างชาติต้องมีหุ้นส่วนคนไทยไม่น้อยกว่า 51% โดยธุรกิจที่เสี่ยงต่อการใช้ช่องโหว่นี้ เช่น ร้านอาหาร ซูเปอร์มาร์เก็ต ทั้งนี้ เพื่อให้เม็ดเงินไหลกลับเข้าประเทศไทย
•กำหนดมาตรฐานการขอใบอนุญาตประกอบธุรกิจ เช่น มีการจ้างแรงงานไทยในสัดส่วนที่เหมาะสม เพื่อลดอัตราการว่างงานของคนไทย กำหนดพื้นที่หรือโซนสำหรับธุรกิจของชาวต่างชาติ.-511.-สำนักข่าวไทย