กรุงเทพฯ 1 ต.ค.- กองอำนวยการน้ำแห่งชาติออกประกาศแจ้งเตือนประชาชนในลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนล่างให้เฝ้าระวังระดับน้ำที่จะสูงขึ้นเนื่องจากมีการระบายน้ำผ่านเขื่อนเจ้าพระยาและป่าสักชลสิทธิ์เพิ่ม หลังมีน้ำไหลเข้าเป็นปริมาณมากจากฝนที่ตกหนักด้วยอิทธิพลของพายุ “โนรู” ระหว่างวันที่ 28-30 กันยายนที่ผ่านมา
นายชยันต์ เมืองสง รองเลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ในฐานะเลขานุการกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) กล่าวว่า ได้ออกประกาศแจ้งเตือนให้ประชาชนในลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนล่างให้เฝ้าระวังระดับน้ำแม่น้ำเจ้าพระยาที่จะสูงขึ้น เนื่องจากอิทธิพลของพายุโซนร้อน “โนรู” ในช่วงวันที่ 28 – 30 กันยายน ทำให้เกิดฝนตกหนักบริเวณภาคเหนือและภาคกลาง ส่งผลให้มีน้ำท่าหลากลงสู่ลุ่มน้ำเจ้าพระยาและลุ่มน้ำป่าสักเป็นปริมาณมากขึ้น กองอำนวยการน้ำแห่งชาติคาดการณ์ว่า จะมีปริมาณน้ำไหลผ่านบริเวณจังหวัดนครสวรรค์ (C.2) อยู่ในเกณฑ์ 2,600 – 2,700 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที แล้วไหลมารวมกับแม่น้ำสะแกกรังและลำน้ำสาขาไหลเข้าเขื่อนเจ้าพระยา โดยกรมชลประทานได้พิจารณารับน้ำเข้าคลองฝั่งตะวันตกและฝั่งตะวันออกเต็มศักยภาพคลองที่สามารถรองรับน้ำได้ ซึ่งจะทำให้มีปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยาเพิ่มขึ้นอยู่ในอัตรา 2,600 – 2,700 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาทีในช่วงวันที่ 1 – 7 ตุลาคม
นอกจากนี้คาดการณ์ว่า จะมีปริมาณน้ำไหลลงเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ในช่วงวันที่ 30 กันยายน – 6 ตุลาคมประมาณ 800 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งจะทำให้ปริมาณน้ำในเขื่อนมีแนวโน้มเกินความจุที่ระดับเก็บกักสูงสุด จึงจำเป็นต้องทยอยปรับเพิ่มการระบายน้ำแบบขั้นบันไดตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม และจะควบคุมปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนพระรามหกในอัตราไม่เกิน 800 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที
ดังนั้นจึงแจ้งเตือนให้เฝ้าระวังผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นในพื้นที่เสี่ยง ดังนี้
1. แม่น้ำป่าสัก บริเวณริมแม่น้ำป่าสัก ตั้งแต่เขื่อนพระรามหก อำเภอท่าเรือ ระดับน้ำจะเพิ่มสูงขึ้นจากเดิมประมาณ 1.20-1.50 เมตร และจุดบรรจบแม่น้ำเจ้าพระยา อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ระดับน้ำจะเพิ่มสูงขึ้นจากปัจจุบัน 25-50 เซนติเมตร
2. แม่น้ำเจ้าพระยา ด้านท้ายเขื่อนเจ้าพระยา ระดับน้ำจะเพิ่มสูงขึ้นจากเดิมประมาณ 30– 60 เซนติเมตร บริเวณชุมชนพื้นที่ลุ่มต่ำนอกคันกั้นน้ำ อำเภอสรรพยา จังหวัดชัยนาท อำเภออินทร์บุรี เมืองสิงห์บุรี และพรหมบุรี จังหวัดสิงห์บุรี อำเภอป่าโมก และไชโย คลองโผงเผง จังหวัดอ่างทอง คลองบางบาล อำเภอเสนา และผักไห่ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา จังหวัดปทุมธานี จังหวัดนนทบุรี กรุงเทพมหานคร และจังหวัดสมุทรปราการ
พร้อมกันนี้ได้แจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมความพร้อมรับมือ ดังนี้
1. ติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด ตรวจสอบความมั่นคงอาคารป้องกันริมแม่น้ำและเสริมคัน
บริเวณจุดเสี่ยงที่เป็นพื้นที่ลุ่มต่ำริมแม่น้ำ
2. เตรียมเครื่องจักรเครื่องมือเพื่อบูรณาการความพร้อมให้ความช่วยเหลือและบรรเทาผลกระทบ
ต่อประชาชนได้ทันที
3. ปรับแผนบริหารจัดการน้ำ อ่างเก็บน้ำ เขื่อนระบายน้ำ ประตูระบายน้ำ ระบบชลประทาน เพื่อบริหารจัดการน้ำให้สอดคล้องกับสถานการณ์ สำหรับเขื่อนเจ้าพระยา จังหวัดชัยนาท ขอให้บริหารจัดการน้ำโดยใช้ระบบชลประทานในการนำเข้าคลองต่างๆ ทั้งด้านฝั่งตะวันตกและฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยาให้ได้มากที่สุดตามศักยภาพคลองชลประทานในแต่ละช่วงเวลาที่สามารถรองรับได้
4. ประชาสัมพันธ์ข้อมูลและแจ้งเตือนประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ริมน้ำนอกแนวคันกั้นน้ำ แนวเขื่อนชั่วคราวในบริเวณที่ไม่มีแนวป้องกันน้ำถาวร (แนวฟันหลอ) และพื้นที่จุดเสี่ยงที่เป็นพื้นที่ลุ่มต่ำริมแม่น้ำทราบล่วงหน้า.-สำนักข่าวไทย