รัฐสภา 22 พ.ย. –รัฐสภา-กองทัพบกจัดกิจกรรมรวมพลังแห่งความภักดี ร่วมรำลึกพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ผบ.ทบ.ระบุ เหมือนคนไทยสูญเสียพ่อที่เป็นหลักชัยชีวิต
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเวลา 08.00 น. วันนี้(22พ.ย. ) บริเวณลานจอดรถหน้าศาลพระสยามเทวาธิราช รัฐสภา สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) พร้อมด้วยสมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ(สปท.) กรรมการร่างรัฐธรรมนูญ(กรธ.) ข้าราชการสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา และข้าราชการสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรร่วมกิจกรรมรวมพลังแห่งความภักดี เพื่อประกาศความจงรักภักดีและร่วมรำลึกถึงพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในโอกาสวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพปีที่ 89 โดยนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสนช.กล่าวนำถวายสัตย์ปฏิญาณแสดงความจงรักภักดีเบื้องหน้าพระบรมมาฉายาลักษณ์และร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี ก่อนจะร่วม กิจกรรมต้นไม้แห่งความภักดี โดยเขียนปณิธานทำความดีลงบนกระดาษรูปหัวใจ ซึ่งผู้ร่วมกิจกรรมเขียนข้อความต่าง ๆ อาทิ ประธาน สนช. เขียนข้อความว่า “รู้รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์เป็นฉัตรชัย” นาย พีระศักดิ์ พอจิต รองประธานสนช.เขียนว่า “สืบสาน พอเพียง เพื่อพ่อของแผ่นดิน” จากนั้นนำไปติดไว้บนต้นไม้
นอกจากนี้ตลอดทั้งวันนี้ (22พ.ย. )รัฐสภาได้จัดกิจกรรมต่างๆประกอบด้วย จัดเสวนาเรื่อง “ในหลวงในความทรงจำ” เพื่อเป็นการน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ และถวายความอาลัย โดยมีสมาชิกสนช. ร่วมกันถ่ายทอดความรู้เรื่องราวประสบการณ์ในความทรงจำเกี่ยวกับพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชและพระบรมวงศานุวงศ์ รวมถึงกิจกรรมแจกอาหารและสิ่งของแก่เด็กพิการและด้อยโอกาสที่มูลนิธิอนุเคราะห์คนพิการในพระราชูปถัมภ์ของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมมราชชนนี กิจกรรมปล่อยเต่าทะเล 89 ตัวคืนสู่ธรรมชาติเพื่อถวายพระราชกุศล ที่บริเวณชายหาดศูนย์อนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเลกองทัพเรือ อำเภอสัตหีบจังหวัดชลบุรี พิธีไถ่ชีวิตโค กระบือ 89 ตัว ณ วัดราชาธิวาสราชวรวิหาร กิจกรรมแจกหนังสือและสิ่งของต่าง ๆ ที่ท้องสนามหลวง และพิธีสวดพระพุทธมนต์ถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชที่วัดสร้อยทอง
ขณะเดียวกันที่กองบัญชาการกองทัพบก พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้บัญชาการทหารบก นำข้าราชการกองทัพบก 16 หน่วยงานและชุมชนรอบกองบัญชาการกองทัพบกร้องเพลงชาติ กล่าวคำปฏิญาณตน และร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี เพื่อรำลึกถึงพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในโอกาสวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพปีที่ 89
ผู้บัญชาการทหารบกกล่าวคำปฏิญาณว่า จะซื่อตรง จงรักภักดี ต่อพระมหากษัตริย์ทุกพระองค์ในราชวงศ์จักรีจนกว่าชีวิตจะหาไม่ จะปฏิบัติตามหน้าที่พลเมือง เคารพกฎหมาย รักษาทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และใช้ทรัพยากรธรรมชาติเพื่อการพัฒนาประเทศอย่างสมดุลและยั่งยืน จะร่วมกันปฏิรูปประเทศ สนับสนุนให้มีรัฐบาลที่เป็นประชาธิปไตย ปกครองประเทศด้วยหลักนิติธรรมและธรรมาภิบาล เพื่อประโยชน์สุขของปวงชนชาวไทย
“จะเป็นคนดีมีคุณธรรม ร่วมกันนำพาประเทศไปสู่อนาคตที่ยั่งยืน สงบสุข สันติสุข จะรู้รักสามัคคีเพื่อชาติศาสนาและพระมหากษัตริย์ตลอดไป จะพัฒนาตนเอง เพิ่มการเรียนรู้ตลอดชีวิต เพื่อเป็นพลังที่ยั่งยืนในการพัฒนาประเทศ ปฏิบัติตามรอยพระยุคลบาท น้อมนำพระราชดำรัสมาปฏิบัติและดำเนินการตามพระราชกรณียกิจ รวมทั้งนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาเป็นแนวทางดำรงชีวิตและสืบสานพระบรมราชปณิธาณืเพื่อความสุข ความเจริญ และความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนของประเทศไทยสืบไป” ผู้บัญชาการทหารบก กล่าว
พล.อ.เฉลิมชัย ให้สัมภาษณ์ว่า วันนี้ถือเป็นวันสำคัญของพสกนิกรทั่วประเทศที่ได้ร่วมพลังถวายความจงรักภักดีสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชที่มีต่อพสกนิกรชาวไทย ตลอดระยะเวลาที่ทรงครองสิริราชสมบัติใน 70 ปีที่ผ่านมา พระองค์ทรงเหนื่อยยากและทุ่มเทพระวรกายปฏิบัติพระราชกรณียกิจ เกี่ยวกับโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริกว่า 4,600 โครงการ เพื่อความผาสุกและอยู่ดีกินดีของประชาชนชาวไทย พระองค์จะสถิตย์ในใจของพวกเราตลอดไป
“วันนี้เป็นโอกาสดีที่พวกเราได้ปฏิญาณตน เป็นประชาชนที่ดีของแผ่นดิน เป็นพสกนิกรที่ดีเจริญรอยตามเบื้องพระยุคลบาท น้อมนำศาสตร์ของพระราชาและปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิต จะสืบสานพระราชปณิธานของพระองค์ท่าน เพื่อนำพาประเทศชาติก้าวไปข้างหน้า ให้มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน ไม่ว่าพระองค์จะอยู่ที่ใดก็ตาม จะทรงสถิตย์ในใจพวกเราตลอดไป” ผู้บัญชาการทหารบก กล่าว
พล.อ.เฉลิมชัย กล่าวว่า การทำงานของกองทัพแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ 1.แสดงความจงรักภักดี ถวายความอาลัย และ2.ขับเคลื่อนพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ซึ่งพระองค์เสด็จพระราชดำเนินไปในทุกกองทัพภาค และในแต่ละกองทัพภาคก็มีโครงการที่พระองค์พระราชทานไว้เป็นจำนวนมาก ซึ่งกองทัพจะขับเคลื่อนโครงการพระราชดำริต่างๆ ผ่านศูนย์เรียนรู้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อนำไปสู่กำลังพลครอบครัวและประชาชน ซึ่งพระองค์ให้ความสำคัญมากเกี่ยวกับโครงการที่เกี่ยวข้องกับน้ำ
“หลังจากวันที่ 13 ตุลาคมที่ผ่านมาจนมาถึงวันนี้ ผมเหมือนคนไทยทุกคนที่รู้สึกสูญเสียพ่อ สูญเสียหลักชัยของชีวิต ดังนั้น ต้องสร้างตัวเองให้เข้มแข็งมากขึ้น สิ่งที่พระองค์พระราชทานไว้คือแนวทางที่ทำให้ประเทศของเราก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคง ใช้ทรัพยากรสิ่งแวดล้อมอย่างคุ้มค่าเพื่อให้พัฒนาประเทศไปได้อย่างมั่นคงในระยะยาว ในฐานะที่ผมเป็นทหารก็พร้อมที่จะทุ่มเททุกอย่าง รวมถึงกำลังพลจะสืบสานพระราชปณิธาน สิ่งสำคัญที่สุดนอกจากการถวายความอาลัยแล้วคือทำพระราชปณิธานของพระองค์ให้เป็นรูปธรรมมากที่สุด ซึ่งพิสูจน์มาแล้วว่า โครงการพระราชดำริของพระองค์ ทำให้ประเทศไทยเจริญเติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน ซึ่งหลายประเทศได้นำโครงการพระราชดำริของพระองค์ไปเป็นแนวทางในการพัฒนาประเทศ” ผู้บัญชาการทหารบก กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการให้สัมภาษณ์ ผู้บัญชาการทหารบกมีน้ำตาคลอและหยุดนิ่งไปช่วงหนึ่ง.-สำนักข่าวไทย