พรรคภูมิใจไทย 22 ก.ย.- “พลอยทะเล” รับตัดสินใจย้ายซบ “ภูมิใจไทย” เหตุประชาธิปัตย์มีปัญหาภายใน ชี้ ทำงานการเมืององค์กรต้องเข้มแข็ง ตอบโจทย์ปัญหาชาวบ้านได้
นางสาวพลอยทะเล ลักษมีแสงจันทร์ อดีตกรรมการบริหาร และรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยภายหลังเปิดตัวเป็นว่าที่ผู้สมัคร สส.ภูเก็ต พรรคภูมิใจไทย ว่า ความตั้งใจที่ตัดสินใจมาร่วมกับพรรคภูมิใจไทย เกิดขึ้นตั้งแต่สมัยลงเลือกตั้งสมาชิกเทศบาลตำบลวิชิต อ.เมืองภูเก็ต จ.ภูเก็ต และได้เห็นการทำงานของพรรคภูมิใจไทย ในช่วงการแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 ทั้งการมอบวัคซีนและการทำภูเก็ตแซนบ็อก ที่ทำได้อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะจังหวัดภูเก็ตที่เป็นจังหวัดท่องเที่ยว ซึ่งการทำงานของพรรคภูมิใจไทย ในช่วงนั้นถือว่าทำได้ดีมาก จึงเป็นสิ่งที่ประทับใจในตัวพรรค จึงทำให้ตัดสินใจย้ายมา
เมื่อถามว่าปัญหาภายในพรรคประชาธิปัตย์เป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ย้ายมาร่วมงานกับพรรคภูมิใจไทยใช่หรือไม่ นางสาวพลอยทะเล ยอมว่า ส่วนหนึ่งก็ใช่ เพราะการที่จะทำงานการเมืององค์กรต้องเข้มแข็ง การตัดสินใจย้ายมาเพื่อทำงานต่อให้กับประชาชนในพื้นที่ต้องอยู่ในองค์กรที่สามารถสนับสนุนตอบโจทย์ประชาชนได้ในการแก้ปัญหาต่างๆ จึงต้องเป็นพรรคภูมิใจไทย ในการแก้ปัญหาเป็นทางเลือกให้กับตนในการแก้ปัญหาความเดือดร้อนให้กับชาวบ้านได้
ส่วนกระแสการตอบรับของประชาชนในพื้นที่ นางสาวพลอยทะเล กล่าวว่า เป็นไปในหลายทาง แต่ก็มั่นใจการตัดสินใจของตนเอง หลายคนก็ยังสนับสนุน ไม่ว่าจะไปสังกัดพรรคใด
ทางด้าน นายวิวัฒน์ จินดาพล อดีตสจ.จังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ก็เคยลงสมัคร สส.ในนามของพรรคภูมิใจไทยมาแล้ว แต่ไม่ได้รับเลือก ในครั้งนี้จึงมีความตั้งใจอย่างเต็มที่ ที่จะมาลงสู้ศึกเลือกตั้งอีกครั้ง และก็มั่นใจในนโยบายต่างๆ ของพรรคภูมิใจไทยที่จะสามารถผลักดันได้อย่างเต็มที่ โดยเฉพาะนโยบายด้านคมนาคม ซึ่งส่วนตัวเห็นว่าจังหวัดภูเก็ต จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องแก้ไขปัญหาด้านคมนาคม ซึ่ง นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ ก็มีความพร้อมอย่างเต็มที่ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ผลักดันการแก้ปัญหาให้กับคนภูเก็ตและพื้นที่ภาคใต้
ขณะที่ นายษณกร กี่สิ้น กล่าวด้วยว่า การตัดสินใจมาลงสู้ศึกเลือกตั้งในครั้งหน้า ก็ได้รับการสนับสนุนจากผู้ใหญ่หลายคน ซึ่งส่วนตัวก็ได้ทำงานด้านท้องถิ่นในจังหวัดภูเก็ตมาโดยตลอดเห็นถึงปัญหาต่างๆที่ควรได้รับการแก้ไข และพรรคภูมิใจไทยเองก็มีนโยบายที่ตอบรับกับความต้องการของประชาชน ทางผู้ใหญ่ของพรรค จึงตัดสินใจให้มาลงสู้ศึกเลือกตั้งในครั้งต่อไปเพื่อผลักดันนโยบายให้เกิดประโยชน์ เชื่อว่า หากทั้งสามคนได้เป็นตัวแทนในพื้นที่ จะสามารถขับเคลื่อนนำการพัฒนาไปจังหวัดภูเก็ตให้มากขึ้น.-315 -สำนักข่าวไทย