ทำเนียบฯ 17 ก.ค.-โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ระบุนักการทูตเข้าไทยต้องทำตามระเบียบ ศบค. กระทรวงการต่างประเทศ เตรียมเชิญตัวแทนสถานทูตที่ประจำประเทศไทย ทำความเข้าใจ ยืนยัน ไม่ใช่ VIP แต่มีเอกสิทธิ์คุ้มกันเพื่อปฏิบัติหน้าที่ ย้ำ นักการทูตเอสโตเนียไม่มีเชื้อโควิด-19
นายเชิดเกียรติ อัตถากร อธิบดีกรมสารนิเทศ และโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ชี้แจงกรณีนักการทูตเอสโตเนีย ว่า เดิมนักการทูตรายนี้ประจำอยู่ที่ประเทศไทย และได้ลากลับบ้านที่ต่างประเทศ ซึ่งเดินทางกลับมาจากแฟรงก์เฟิร์ต ถึงไทยเมื่อวันที่ 16 ก.ค. เวลา 14.00 น. ได้ตรวจหาเชื้อโควิด-19 ผลเป็นลบ คือไม่พบเชื้อ เมื่อมาถึงสนามบินสุวรรณภูมิได้ตรวจหาเชื้ออีกครั้ง ไม่พบเชื้อ จึงเดินทางไปยังที่พัก ด้วยรถพิเศษที่มีฉากกั้นระหว่างคนขับ เมื่อไปถึงคอนโดมิเนียมได้รับทราบจากคณะกรรมการนิติบุคคลว่า ไม่ให้เข้าพัก จึงประสานมาที่กระทรวงการต่างประเทศ ได้ข้อยุติว่า จะเดินทางไปพักที่ ASQ หรือ โรงแรมที่รัฐกำหนดไว้ และได้เข้าพักเรียบร้อยแล้ว และจะอยู่ภายใต้การดูแลของสาธารณสุข
นายเชิดเกียรติ กล่าวว่า นักการทูตที่เดินทางเข้ามาในไทยเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ไม่ได้มีจำนวนมาก การเดินทางเข้าเป็นไปตามกรอบระเบียบที่ศบค.วางไว้ การเข้ามาในประเทศเป็นเพียงการได้รับเอกสิทธิ์คุ้มกันตามอนุสัญญากรุงเวียนนา เพื่อให้เข้ามาปฎิบัติหน้าที่ในฐานะตัวแทนทางการทูต ตัวแทนของรัฐ และต้องปฎิบัติตามระเบียบประเทศเจ้าบ้าน ซึ่งบ่ายวันนี้ (17 ก.ค.) จะมีการทบทวนมาตรการเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเดินทางเข้ามาของนักการทูตให้เข้มงวดมากขึ้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการเปลี่ยนผ่านของระเบียบเป็นช่วงรอยต่อ
เรายังใช้ตามระเบียบเดิมอยู่ คือ การใช้ที่พักเป็นที่กักตัว 14 วันภายใต้การดูแลของหน่วยงานต้นสังกัด แต่สิ่งที่เราได้ดำเนินการหลังจากกรณีของซูดาน คือ ปรับมาตรการที่เข้มข้นมากขึ้น โดยเราได้ส่งจดหมายเวียนไปยังสถานทูตต่าง ๆ ว่า เรามีการเพิ่มมาตรการ เช่น เมื่อเดินทางมาถึงไทยและรับการตรวจคัดกรองแล้ว ขอให้ “รอผล” ยืนยันก่อนว่า ผลตรวจเป็นลบ จึงจะออกจากสนามบินได้ หลังเหตุลูกสาวอุปทูตซูดานติดโควิด-19 แต่ได้แจ้งให้สถานทูตต่าง ๆ รับทราบถึงมาตรการเข้มงวดของไทยที่สนามบินแล้ว
“หลายคนบอกว่าการเข้ามาของนักการทูต เป็น VIP มีเอกสิทธิ์คุ้มกัน ขอชี้แจงว่า นักการทูต ไม่ใช่ VIP ได้รับการคุ้มครองตามอนุสัญญาเวียนนา ซึ่งเอกสิทธิ์คุ้มครองเพื่อให้สามารถปฏิบัติหน้าที่ ในประเทศเราได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ภายใต้อนุสัญญานี้ นักการทูตต้องปฏิบัติตาม ระเบียบกฎหมายของประเทศเจ้าบ้าน แปลว่า จะต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดของ ศบค. ในช่วงนี้จะยังมีนักการทูต เข้ามาอีก 2-3 คน จะขอความร่วมมือ และคำนึงถึงประชาชนส่วนใหญ่เป็นสำคัญ” นายเชิดเกียรติ กล่าว
อธิบดีกรมสารนิเทศ และโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่า บ่ายวันนี้ (17 ก.ค.) กระทรวงการต่างประเทศจะเชิญตัวแทนสถานทูตทั้งหมดที่ประจำประเทศไทยมาทำความเข้าใจและรับฟังข้อเสนอร่วมกัน .-สำนักข่าวไทย