กระทรวงการต่างประเทศ 25 ก.ย.- “สีหศักดิ์” เข้ากระทรวงการต่างประเทศวันแรก ให้กำลังใจข้าราชการ ย้ำ ต้องเป็น 4 เดือนที่มีความหมาย ทำงานให้เป็นเอกภาพ รับอาจแก้ไม่ได้หมด แต่หวังสถานการณ์ชายแดนไทย – กัมพูชา คลี่คลายขึ้น ติง “เขมร” แทนที่จะพูดคุยกันเองก่อน แต่กลับยกไปพูดคุยในเวทีระหว่างประเทศ เตรียมบินด่วนแจงโลกเวที UNGA เย็นนี้ พบเลขาฯ ออตตาวาด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 09.15น. นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ พร้อมคณะทํางาน เดินทางเข้ากระทรวงการต่างประเทศวันแรก หลังจากได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรี และเข้าเฝ้าฯถวายสัตย์ปฏิญาณตน โดยได้สักการะพระพุทธราชไมตรีศรีสัมพันธ์ ศาลพระภูมิประจํากระทรวง พระรูปสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาเทวะวงศ์วโรปการ และเทพธิดาบัวแก้ว สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกระทรวงการต่างประเทศ โดยมีนางเอกสิริ ปิณฑะรุจิ ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ และผู้บริหารกระทรวงการต่างประเทศ ให้การต้อนรับ จากนั้น ได้พบปะข้าราชการ เจ้าหน้าที่ ประจำกระทรวงการต่างประเทศ
โดย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า วันนี้เป็นวันแรกที่รับหน้าที่ จึงถือโอกาสนี้มาทักทายข้าราชการ และอยากให้กำลังใจกับข้าราชการประจำกระทรวงการต่างประเทศ เพราะที่ผ่านมาทำงานหนัก และตนเองให้ความสำคัญกับกำลังใจของข้าราชการกระทรวง โดยวันนี้ได้พูดถึงสไตล์การทำงานที่จะทำงานเป็นทีม ก็จะทำอย่างเต็มที่ ซึ่งใน 4 เดือน ไม่ควรจะเป็น 4 เดือนที่ไม่มีความหมาย ตามที่นายกรัฐมนตรีได้พูดไป ดังนั้น ในด้านการต่างประเทศจะต้องขับเคลื่อนนโยบายต่างประเทศ ขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น ทำการทูตยุคใหม่ มีความคล่องตัวครอบคลุมทุกมิติ ทั้ง ความมั่นคง เศรษฐกิจ และสังคม
ส่วนมีแนวทางในการแก้ไขปัญหาชายแดนไทย – กัมพูชาอย่างไร ในระยะเวลา 4 เดือน นายสีหศักดิ์ กล่าวว่า แน่นอนอยากเห็นความปลอดภัย ความสงบชายแดน ที่เป็นประโยชน์ของไทย และคิดว่าเป็นผลประโยชน์ของทั้งสองฝ่าย ซึ่งต้องคิดว่าจะทำอย่างไรให้ความสงบสุขเกิดขึ้น ซึ่งเชื่อว่าไม่ใช่แค่ฝ่ายเดียว จะต้องเป็นความพยายามร่วมกันของทั้งสองฝ่าย ประเทศไทยเป็นประเทศที่ไฝ่สันติ แต่ทุกประเทศก็ให้ความสำคัญกับเรื่องอธิปไตย บูรณภาพ ที่ต้องปกป้องอย่างเต็มที่ คิดว่าเพื่อนบ้านทั่วประเทศมีความปรารถนาดี เพราะสุดท้ายก็เป็นความมั่นคง และความก้าวหน้าร่วมกัน ดังนั้น ปัญหาที่เป็นอยู่จะพยายามแก้ไข และอยากเห็นในสิ่งที่พูดคุยกัน โดยเฉพาะในกรอบการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป หรือ GBC ไทย – กัมพูชา ที่ผ่านมา มีหลักการที่ดีในหลายเรื่อง ทั้งเรื่องการหยุดยิงอย่างยั่งยืนแท้จริง ไม่ให้เกิดเหตุการณ์อย่างที่เป็นอยู่ ซึ่งอาจไม่ได้เป็นการประทะกันระหว่างกองกำลัง แต่ก็เป็นเหตุการณ์ที่นำไปสู่ความรุนแรงได้ จึงไม่อยากให้เกิดการกระทบกระทั่งกัน ขณะเดียวกันก็มีเรื่องการกวาดทุ่นระเบิด ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญเกี่ยวกับความปลอดภัย ซึ่งสิ่งที่ต้องเลือกก้าวต่อไป คือ ความสงบ โดยการลดกำลัง หรือ ถอนกำลังอาวุธหนักออกจากชายแดน เพื่อไม่ให้เสี่ยงต่อการเกิดเหตุการณ์รุนแรง รวมถึงเรื่องการปราบปรามกระบวนการผิดกฎหมาย ซึ่งสิ่งเหล่านี้ได้ตกลงกันในหลักการ ที่ต้องการเห็นความคืบหน้า เมื่อมีความคืบหน้าก็จะค่อยเป็นค่อยไปตามขั้นตอน พร้อมย้ำว่า การทูต การทหารต้องไปด้วยกัน ต้องทำงานร่วมกัน บางครั้งการทูตต้องเสริมการทหาร และบางจุดการทหารต้องเสริมการทูต ดังนั้นการทำงานเรื่องสถานการณ์ชายแดนไทยกัมพูชา ความเป็นเอกภาพเป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศให้ความสำคัญกับ
สำหรับระยะเวลา 4 เดือน เพียงพอต่อการแก้ปัญหาหรือไม่ นายสีหศั กล่าวว่า อาจจะแก้ไม่ได้ทั้งหมด แต่จะขอให้เป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น และต่อไปจะมีพลวัต จึงหวังว่า 4 เดือน จะเห็นเส้นทางกลับสู่ในสิ่งที่ควรจะเป็น แต่ทั้งหมดขึ้นอยากเห็นความจริงใจจากกัมพูชา ซึ่งประเทศไทยมีความจริงใจอยู่แล้ว จึงอยากเห็นสิ่งที่ตกลงกันไว้ไปสู่การกระทำที่แท้จริง
นายสีหศักดิ์ ยังกล่าวถึงการเดินทางไปร่วมประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติ หรือ UNGA ครั้งที่ 80 ที่จะเดินทางในช่วงค่ำของวันนี้( 25 ก.ย.ฉ ว่า สิ่งสำคัญ คือ การกล่าวสุนทรพจน์ เพื่อทำให้เห็นว่า ประเทศไทยกลับมาสู่จอเรดาร์ และมีบทบาทในเวทีนี้ โดยจะไม่ได้พูดถึงแค่เรื่องใกล้ตัวอย่างเดียว แต่จะต้องพูดถึงเรื่องที่ไกลตัวที่เกี่ยวกับความมั่นคงของโลก ความก้าวหน้าของโลก จึงต้องแสดงวิสัยทัศน์อย่างสร้างสรรค์ และต้องพูดถึงเรื่องเพื่อนบ้าน ซึ่งเป็นเรื่องเฉพาะ แต่สามารถพูดคุยสร้างสรรค์แต่สามารถพูดคุยอย่างสร้างสรรค์ โดยพูดด้วยความเป็นจริงว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะบางครั้งประสงค์เราไม่ประสงค์ให้เห็นเหตุการณ์ อย่างที่กัมพูชาแทนที่จะพูดคุยกันเองก่อน แต่นำเรื่องนี้ไปพูดคุยในเวทีระหว่างประเทศ ทำให้กลายเป็นปัญหาระหว่างประเทศ ซึ่งไม่สมควร เพราะเราเพื่อนบ้านสามารถพูดคุยกันได้ โดยใช้ช่องทางที่มีอย่างเต็มที่


ส่วนที่ มีความกังวลว่ากัมพูชาจะใช้โอกาสนี้พูดเรื่องที่เกิด ซึ่งอาจไม่ตรงกับข้อเท็จจริง จะรับมืออย่างไร นายสีหศักดิ์ กล่าวว่า ก็เป็นไปได้ ดังนั้น เราต้องแสดงท่าที ในการไปร่วมประชุม ซึ่งท่าทีนั้นจะปรากฏในถ้อยแถลงของตนเอง ในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนไทย นอกจากนี้ตนเองจะได้พบปะกับบุคคลสำคัญที่สำคัญ เช่น เลขาธิการสหประชาชาติ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่น ในฐานะประธานอนุสัญญาออตตาวา เกี่ยวกับการห้ามใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล และจะพบปะกับรัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย ที่จะเป็นประธานคณะมนตรีความมั่นคงสหประชาชนในวาระต่อไป ทั้งนี้ การพบปะในครั้ง ไม่ได้พบปะเพียงแค่พิธีการทูตเท่านั้น
แต่ให้รู้ว่าเราพบกับใคร เพื่ออะไร ซึ่งตนเองจะใช้เวลาให้น้อยที่สุด เพื่อกลับมาร่วมแถลงนโยบายรัฐบาล โดยมีเป้าหมายเพื่อแสดงบทบาทของเราในเรื่องที่มีความสำคัญ ที่ต้องแสดงท่าทีให้ชัดเจน ไม่ต้องการให้ประชาคมโลกรับทราบข้อมูลเพียงฝ่ายเดียว ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นเรื่องที่นายกรัฐมนตรี ได้ฝากให้ทำหน้าที่อย่างเต็มที่ ซึ่งท่านให้ความสำคัญและเห็นชอบกับ เพราะเห็นว่าเป็นโอกาสทีี่สำคัฐจต่อผลประโยชน์ของประเทศชาติ
ขณะที่ ปัญหาสถานการณ์ไทยแดนไทยกัมพูชาจะคลี่คลายได้ใน 4 เดือนหรือไม่ นายสีหศักดิ์ กล่าวว่า ก็หวังว่าจะคลี่คลาย แต่ก็ขึ้นอยู่กับอีกฝ่ายด้วย ซึ่งสิ่งที่เป็นห่วง คือ หลายอย่างสวนทางกับสิ่งที่กัมพูชาพย่ย่มสื่อสารออกมา โดยเฉพาะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งไม่ควรปล่อยให้เกิดขึ้น จึงหวังว่าให้คลี่คลาย แต่ทั้งหมดไม่ได้อยู่ที่เราฝ่ายเดียว พร้อมย้ำว่า ดูแลผลประโยชน์ของคนไทย และศักดิ์ศรีของประเทศไทย การทูตจะเดินได้ก็ต่อเมื่ออีกฝ่ายมีความพร้อมด้วย
สำหรับกรณีที่มีการหยิบยกคำพูดของพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ยอมรับว่าพื้นที่หนองจานเป็นของกัมพูชา จะเป็นคำผูกมัดหรือไม่ นายสีหศักดิ์ กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องไปพูด แต่เราก็มั่นใจว่าอยู่ในเขตของเรา และ สืบเนื่องมาตั้งแต่สมัยที่ ประเทศไทยเปิดพรมแดนช่วยผู้ลี้ภัยที่อพยพเข้ามาพักพิง แต่เราต้องพูดคุยกันเพื่อหาทางออกให้ได้ในระยะยาว แต่ท้ายที่สุดต้องหาทางออกให้ได้ และต้องปักปันเขตแดนให้ชัดเจน จะได้ไม่มีปัญหาแบบนี้
ส่วนที่มีนโยบายและท่าทีกับมหาอำนาจอย่างสหรัฐอเมริกา และจีนอย่างไร นายสีหศักดิ์ กล่าวว่า ต้องดำเนินการอย่างสร้างสรรค์ ไม่ใช่เป็นกลางแล้วอยู่ตรงกลาง แต่บางครั้งเราอาจจะต้องไปทางนั้นบ้าง ทางนี้บ้าง มันแล้วแต่ผลประโยชน์ของเรา เราต้องเอาผลประโยชน์ของเราเป็นที่ตั้ง แน่นอนว่าเราเห็นความสำคัญของมหาอำนาจทุกประเทศ แต่เราไม่ได้เข้าข้างเลือกข้าง เราก็ต้องมีจุดยืนคงจะเป็นหลักการแบบนี้.-312 -สำนักข่าวไทย