กรุงเทพ 25 ก.ย.-กรมการค้าต่างประเทศ แนะผู้ประกอบการไทยเตรียมพร้อมรับมือขั้นตอนนำเข้า–ส่งออกสินค้าทางเรือ ชี้เส้นทางเรือย่างกุ้ง–เกาะสอง–ระนองเป็นทางเลือกใหม่
กระทรวงพาณิชย์และอุตสาหกรรม เมียนมา ออกประกาศฉบับใหม่ ที่ 5/2025 Bulletin (Export and Import 5/2025) ลงวันที่ 5 กันยายน 2568 กำหนดแนวทางสำหรับการยื่นเอกสารการค้าชายแดน Yangon – Kawthaung – Ranong และ Ranong – Kawthaung – Yangon จากท่าเรือชายฝั่งในระบบตู้คอนเทนเนอร์ เพื่อปรับปรุงจัดระเบียบการยื่นเอกสารให้มีความคล่องตัวมากขึ้น
นางอารดา เฟื่องทอง อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์และอุตสาหกรรมเมียนมาประกาศให้ผู้ประกอบการไทยที่ทำการนำเข้าหรือส่งออกสินค้าทางเรือคอนเทนเนอร์ในเส้นทางนี้จะต้องยื่นขอใบอนุญาตผ่านระบบ Myanmar Tradenet 2.0 ซึ่งเป็นระบบยื่นคำขออนุญาตนำเข้า-ส่งออกผ่านทางออนไลน์ โดยสามารถติดตามสถานะตั้งแต่การยื่นคำขอ การตรวจสอบ จนถึงการอนุมัติหรือปฏิเสธ ซึ่งสินค้าที่อยู่ในระบบอนุมัติใบอนุญาตนำเข้า–ส่งออกอัตโนมัติ (Automatic Licensing) จะได้รับการอนุมัติทันทีหากเอกสารครบถ้วน ขณะที่สินค้าอื่น ๆ ที่ไม่อยู่ในระบบดังกล่าว (Non – automatic Licensing) จะต้องผ่านขั้นตอนการตรวจสอบที่อาจใช้เวลาอย่างน้อย 2 วัน
การตรวจสอบสินค้า ณ ท่าเรือขนส่ง จะดำเนินการโดยคณะเจ้าหน้าที่ตรวจสอบและควบคุมการค้าชายแดน (OSS) ที่มีตัวแทนจากหลายหน่วยงานของเมียนมา เช่น กรมศุลกากร และกระทรวงตรวจคนเข้าเมืองและประชากร ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่จะเรียกเก็บภาษีและค่าธรรมเนียมที่จำเป็น เช่น ภาษีเงินได้ล่วงหน้า (Advanced Income Tax: AIT) 2% และค่าธรรมเนียมความปลอดภัยตู้คอนเทนเนอร์ โดยอ้างอิงจากจำนวนตู้คอนเทนเนอร์ที่ผู้ประกอบการกรอกไว้ในเอกสาร ทั้งนี้ หากจำเป็นต้องมีการ X-Ray สินค้า เจ้าหน้าที่จะนำตู้คอนเทนเนอร์ไปตรวจยังท่าเรือที่ติดตั้งเครื่องสแกนดังกล่าว ผู้ประกอบการจึงต้องจัดเตรียมเอกสารให้ครบถ้วนและถูกต้องตามข้อกำหนด และควรระมัดระวังว่า หากตู้คอนเทนเนอร์ค้างอยู่ที่ท่าเรือนานเกิน 60 วัน อาจถูกดำเนินการตามกฎหมายของเมียนมา นอกจากนี้ เรือที่ใช้ขนส่งจะต้องเป็นเรือที่ได้รับอนุญาตจากกรมเจ้าท่าเมียนมา และจะต้องมีการตรวจสอบซีลตู้คอนเทนเนอร์ทั้งที่ท่าเรือต้นทางและปลายทางด้วย
ดังนั้น กรมการค้าต่างประเทศจึงขอแนะนำให้ผู้ประกอบการศึกษาและปฏิบัติตามกฎระเบียบที่ได้รับการปรับปรุงนี้อย่างเคร่งครัด เพื่อให้การนำเข้า-ส่งออกสินค้าเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและถูกต้องตามกฎหมายของทั้งสองประเทศ และสามารถกลับมาทำการค้ากันได้อย่างราบรื่นต่อไป/สำนักข่าวไทย-513