นครเจนีวา 27 ส.ค. –“มาริษ” คุยรัฐภาคีออตตาวา ยื่นประท้วงอย่างเป็นทางการ พร้อมมอบหลักฐานฟ้องกัมพูชาละเมิดอนุสัญญาฯ ล่าสุดทหารไทยเหยียบกับระเบิดขาขาดรายที่ 6 วอนใช้กรอบออตตาวาเรียกเขมรแจง ขณะที่หลายประเทศชื่นชมไทย ปฏิบัติตามกติการะหว่างประเทศ
นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เดินทางไปที่สำนักงานใหญ่องค์การสหประชาชาติ พบหารือกับนางสาวอิชิกาวะ โทมิโกะ เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรญี่ปุ่นประจำการประชุมด้านการลดอาวุธ ประธานการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ครั้งที่ 22 (อนุสัญญาออตตาวา) และนางสาวแคโรลีน-เมลานี เรกิมบัล หัวหน้าสำนักงานกิจการลดอาวุธแห่งสหประชาชาติ (UNODA) ณ นครเจนีวา ซึ่งเป็นการประชุมร่วมกัน 3 ฝ่าย ในฐานะผู้มีส่วนเกี่ยวข้องภายใต้อนุสัญญาออตตาวาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล เพื่อชี้แจงถึงสถานการณ์ระหว่างไทย-กัมพูชา และรายงานข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการใช้ทุ่นระเบิดของฝ่ายกัมพูชาที่เป็นการละเมิดอนุสัญญาออตตาวา ทั้ง 3 ฝ่ายได้ใช้เวลาในการหารือร่วมกันประมาณ 40 นาที
จากนั้น นายมาริษได้เข้าร่วมหารือกับสมาชิกรัฐภาคีตามอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล โดยมีผู้เข้าร่วมการประชุมประมาณ 14 คน อาทิ เอกอัครราชทูตฝรั่งเศส, นอร์เวย์, เยอรมนี, เบลเยียม และผู้แทนของสหภาพยุโรป เป็นต้น โดยในกลุ่มนี้ มีประเทศผู้บริจาคแก่กัมพูชา ในการเก็บกู้ทุ่นระเบิดด้วย


นายมาริษ เปิดเผยภายหลังการหารือกับสมาชิกรัฐภาคีออตตาวา ว่า ประเทศเหล่านี้สนใจมาร่วมรับฟังสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งตนได้แสดงหลักฐานต่างๆ ที่ไทยประสบปัญหาของการละเมิดข้อตกลงของกัมพูชา การละเมิดอำนาจอธิปไตย ที่กัมพูชาเข้ามาวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคลในช่วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งล่าสุด มีการที่ทหารไทยเหยียบกับระเบิดสังหารบุคคลทำให้ได้รับบาดเจ็บสาหัสอีก 1 ราย ซึ่งตนได้ใช้โอกาสนี้ยื่นประท้วงและเรียกร้องให้รัฐภาคีอนุสัญญาออตตาวา ร่วมกันเรียกร้องให้กัมพูชามาชี้แจงในสิ่งที่เกิดขึ้นตามบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ถือเป็นโอกาสดีที่ตนได้ยื่นหลักฐาน และข้อเรียกร้องอย่างเป็นทางการตามกลไกอนุสัญญาออตตาวา
นายมาริษกล่าวว่าในการพบปะครั้งนี้ ทุกส่วนให้ความชื่นชมบทบาทประเทศไทยเป็นอย่างมาก แม้ไทยเป็นผู้ถูกกระทำแต่เราใช้มาตรการตอบโต้ที่เป็นมืออาชีพอยู่ในขอบเขตที่เหมาะสม และได้สัดส่วนกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น รวมทั้งสิ่งที่ไทยกระทำมาโดยตลอด ไม่ได้มุ่งเน้นไปที่เป้าหมายของพลเรือน แต่เป็นการมุ่งเป้าหมายไปที่ทหารเพื่อยุติการรุกรานของกัมพูชา เราใช้มาตรการต่าง ๆ ที่เป็นไปตามกฎหมายระหว่างประเทศ และเป็นไปตามกฎบัตรของอาเซียน ที่ใช้สิทธิตอบโต้การโจมตีการรุกรานของกัมพูชา บนพื้นฐานของกฎหมายในระหว่างประเทศ เราใช้ความพยายามยับยั้งชั่งใจ ซึ่งประเทศที่เป็นสมาชิกของรัฐภาคีอนุสัญญาออตตาวา เช่น ทูตนอร์เวย์ เยอรมัน เบลเยียม เปรู ได้พูดชัดเจนและขอบคุณประเทศไทยที่ใช้ความยับยั้งชั่งใจ ไม่ละเมิดกฎหมายร่วมประเทศและชื่นชมว่าเราตอบโต้โดยใช้มาตรการที่เหมาะสมทุกอย่าง เพื่อจำกัดการสูญเสียหรือจำกัดปฏิบัติการให้อยู่ในกรอบกฎหมายระหว่างประเทศ ซึ่งในนามของรัฐบาลก็ต้องชื่นชมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะกองทัพที่ทำงานร่วมกัน
นายมาริษ กล่าวว่าทุกประเทศที่เข้าร่วมต่างรับฟังในสิ่งที่ตนได้อธิบาย และได้ชื่นชมว่าเราดำเนินการทุกอย่างภายใต้กรอบของกฎหมายระหว่างประเทศ และใช้กลไกของตัวเองในการแก้ไขปัญหาอย่างมืออาชีพและมีประสิทธิภาพมาก นอกจากนี้ทุกประเทศยังชื่นชมและสนับสนุน ในสิ่งที่ตนได้กล่าวหลายครั้งว่าเราใช้กรอบของการเจรจาทวิภาคีในการแก้ไขปัญหามาโดยตลอด ซึ่งสิ่งนี้ตนพยายามยืนยันให้ฝ่ายกัมพูชาได้ตระหนัก และให้มิตรประเทศทั้งหลายได้เข้าใจว่า นอกจากเราได้ทำตามกฎและใช้กลไกต่างๆ ตามกฎบัตรสหประชาชาติแล้ว เรายังพร้อมที่จะเจรจาแก้ไขปัญหาระหว่างประเทศทั้งสองโดยใช้กลไกการเจรจาสองฝ่าย ที่มุ่งเน้นในเรื่องของสันติภาพสันติวิธีอย่างจริงใจ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ได้รับการชื่นชมเป็นอย่างมากและทุกประเทศได้สนับสนุนในเรื่องนี้

“อย่างที่ผมเรียนไปแล้วในเบื้องต้น ว่าการมาในครั้งนี้ด้วยตัวเอง รัฐมนตรีมา ก็แสดงให้เห็นของความจริงใจและความตั้งใจ เราได้รับการชื่นชมเป็นอย่างมาก ประกอบกับเมื่อเช้าวานนี้ได้มีเหตุการณ์เกิดขึ้นครั้งที่ 6 ทุกประเทศก็แสดงความเสียใจ ที่เหตุการณ์เหล่านี้ยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องและสนับสนุนให้เราคือประเทศไทยใช้กลไกของสหประชาชาติต่อไปและเขาพร้อมที่จะร่วมมือกับประเทศไทยในการผลักดันให้ทุกฝ่ายโดยเฉพาะอย่างยิ่งกัมพูชาให้มาร่วมมือแก้ไขปัญหาอย่างเต็มที่ ผมขอเรียนว่าการเดินทางมาครั้งนี้ เราได้ยื่นเอกสารคำชี้แจง หลักฐานทุกสิ่งทุกอย่าง อย่างเป็นทางการ ซึ่งจะเพิ่มน้ำหนักในการพิจารณาในกรอบขององค์การสหประชาชาติโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในกรอบของอนุสัญญาออตตาวาต่อไป ซึ่งทุกประเทศภาคีสมาชิกก็ได้ยืนยันกับผมว่าจะช่วยเหลือและผลักดันให้ กระบวนการพิจารณาภายใต้กรอบอนุสัญญาออตตาวา เป็นผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว ก็คือ ณ ขณะนี้ต้องการคำชี้แจงจากกัมพูชา เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เขาละเมิดบูรณภาพแห่งดินแดน เขาละเมิดข้อตกลงอนุสัญญาออตตาวา” นายมาริษ กล่าว
นายมาริษ ยังย้ำด้วยว่าหลักฐานที่ตนได้ยื่นไปนั้น มีน้ำหนักอย่างแน่นอน เมื่อทางประเทศภาคีอนุสัญญาออตตาวาได้รับไปและจะต้องให้ความเป็นธรรม โดยพิจารณาและนำเอาหลักฐานทั้งหลายมาวิเคราะห์และประเมิน ถึงสิ่งที่ถูกต้อง เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป โดยหลักฐานทั้งหมดเป็นสิ่งที่เราได้ชี้แจงมาโดยตลอดและเป็นหลักฐานเชิงประจักษ์ เป็นหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่สามารถพิสูจน์ได้
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศยังกล่าวด้วยว่าเหตุการณ์ทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดสังหารบุคคลที่ฝ่ายกัมพูชาลอบวางไว้ ขณะปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่บริเวณปราสาทตาควาย ต.บักได อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ซึ่งอยู่ในเขตแดนของไทย จนได้รับบาดเจ็บขาขวาท่อนล่างขาดล่าสุดนั้น ทางกระทรวงการต่างประเทศจะต้องมีการออกแถลงการณ์ประท้วงต่อไป ซึ่งในส่วนของตนที่อยู่ที่เจนีวา ก็ได้นำเรื่องนี้พูดในที่ประชุมให้เข้าใจ ว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นล่าสุดครั้งนี้เป็นเหตุการณ์ที่ยังคงเกิดขึ้นต่อเนื่อง และตรงนี้เป็นสิ่งที่ไทยเรียกร้องกับกัมพูชามาโดยตลอด และการเกิดปัญหาครั้งล่าสุดนี้ทำให้เห็นชัดว่าคำเรียกร้องของไทยและหลักฐานต่างๆ ที่ใช้ตั้งแต่ต้นมีน้ำหนักมาก เพราะว่ายังคงเกิดการละเมิดบูรณภาพแห่งดินแดนและละเมิดข้อตกลงขององค์กรสหประชาชาติอย่างต่อเนื่องของกัมพูชา
ส่วนเมื่อเห็นหลักฐานแล้ว จะมีการดำเนินการอย่างไรต่อไปนั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกล่าวว่า ประเทศเหล่านี้ก็คงจะต้องนำหลักฐานที่ไทยนำเสนอไปวิเคราะห์ไปประเมิน คงยังตอบไม่ได้ในทันทีทันใด ซึ่งต้องให้เวลาในการพิจารณา เพราะเขาบอกชัดเจนแล้วว่ามีขั้นตอนที่จะต้องใช้แต่ทั้งหมดนี้ เขาชื่นชมบทบาทการกระทำของไทยที่เป็นไปตามมาตรฐานสากล ที่ทำให้เขาสามารถพิจารณาหรือประเมินได้โดยเร็ว ประเทศเหล่านี้ก็ยินดีที่จะร่วมกับไทยในการแก้ไขปัญหาให้เป็นรูปธรรมมากที่สุด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าโดยในช่วง 11.00 น. วันที่ 28 ส.ค. 68 ตามเวลาท้องถิ่นสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งตรงกับเวลา 18.00 น.นายมาริษ มีกำหนดการเข้าพบนางมีรยานา สปอลยาริส เอ็กเกอร์ (Mirjana Spoljaric Egger) ประธานคณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ (ICRC) เพื่อชี้แจงในเรื่องเดียวกันด้วย .-312 -สำนักข่าวไทย